ผู้สื่อข่าวรายงานถึงกำหนดการลงพื้นที่ประชุมครม. นอกสถานที่อย่างเป็นทางการที่ จ.พิษณุโลก และสุโขทัย ระหว่างวันที่ 25-26 ธ.ค. ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะ ว่า

เมื่อเวลา 08.30 ชน.วันที่ 25 ธ.ค.พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายวิษณุ เครืองาม พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ นายกอบศักศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุสาหกรรม นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางมายังวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก เพื่อกราบสักการะพระพุทธชินราชพระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดพิษณุโลก

จากนั้น นายกรัฐมนตรีกราบสักการะพระบรมรูป 3 พระมหากษัตริย์ประกอบด้วยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยา และสมเด็จพระเอกาทศรถ

ก่อนกราบนมัสการ พระศรีรัตนมุนี ผู้รักษาการแทนเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระศรีมหาธาตุฯ พร้อมถวายเครื่องสักการะธูปเทียนแพ เครื่องจตุปัจจัยไทยธรรม โดยพระศรีรัตนมุนี ได้มอบเหรียญ สมโภชหลวงพ่อพระพุทธชินราชครบรอบ 660 ปี (พ.ศ. 1900 ถึง 2560) ให้กับนายกรัฐมนตรีและคณะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างสนทนาธรรมกับพระศรีรัตนมุนี พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่า ตนเองเพิ่งหายจากเป็นไข้หวัด พร้อมแสดงความห่วงใยอาการอาพาธของพระธรรมเสนานุวัตร รองเจ้าคณะภาค 5 เจ้าอาวาสวัดพระศรีมหาธาตุฯ พร้อมสอบถามถึงชาวไทยพุทธที่เดินทางมากราบสักการะหลวงพ่อพระพุทธชินราช ซึ่งมีจำนวนน้อยลงไป โดยนายกรัฐมนตรีระบุว่าเนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย อีกทั้งมีสถานที่ท่องเที่ยวจำนวนมากขึ้น อากาศก็ดีหลายคนเมื่อเคยเดินทางมาแล้วก็อยากไปท่องเที่ยวยังสถานที่อื่นๆ ซึ่งรัฐบาล จะทำเรื่องของการท่องเที่ยวให้มีความเชื่อมโยงกันให้ได้นักท่องเที่ยวจะได้ไม่ลดจำนวนลงให้สามารถเชื่อมต่อจากจังหวัดนี้ไปอีกจังหวัดหนึ่งได้อย่างสะดวก เช่น เส้นมาไหว้พระที่จังหวัดพิษณุโลก แล้วไปท่องเที่ยวต่อจังหวัดสุโขทัยและไปรับอากาศเย็นที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นต้น โดยจะทำเป็นเส้นทางการท่องเที่ยว

“ผมมีความเป็นห่วงประชาชนโดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อยถ้าไม่ได้อยู่ในห่วงโซ่ที่มีมูลค่าก็จะลำบากบ้างซึ่งรัฐบาลพยายามที่จะทำในเชิงมหภาค เพราะถ้าทำอย่างเดียวทำแต่ข้างล่างโดยไม่ทำข้างบนไว้ก็ไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องทำทั้งสองอย่าง แต่ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่คนทั้งหมดจะเกิดความเข้าใจ ก็ขอฝากให้ทางหลวงพ่อได้ช่วยดูด้วย เพราะเราต้องบริหารจัดการใหม่ทั้งหมดไม่เช่นนั้นก็ไปไม่ถึงกัน ก็จะมีประสบปัญหา เกิดความไม่เท่าเทียมซึ่งผมจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นอีก เมื่อสักครู่ก็ได้อธิฐานกับหลวงพ่อพระพุทธะชินราชไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นพระที่ผมนับถืออย่างมาก รวมทั้ง สมเด็จพระนเรศวรมหาราชสมเด็จพระเอกาทศรถ และพี่นางสุพรรณกัลยา ซึ่งพระองค์ล้วนทรงสร้างแผ่นดินที่สมบูรณ์ไว้ เราทุกคนต้องช่วยกันรักษาประเทศชาติไว้ให้ดี”

อย่างไรก็ตาม ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับชาวบ้านที่เดินทางมาท่องเที่ยวจากจังหวัดราชบุรีว่า “อยู่ที่ไหนพื้นที่ใดก็คนไทยด้วยกันทั้งประเทศ ขอให้ช่วยผมทำงานด้วย”

ภายหลังไหว้พระ พล.อ.ประยุทธ์ ได้พบกับนายกฤษณะ ลาไล ประธานเครือข่ายอารยสถาปัตย์ ที่มาประชาสัมพันธ์กิจกรรมอารยสถาปัตย์ โครงการ “พิษณุโลกเมืองประวัติศาสตร์ เมืองอารยสถาปัตย์และเมืองท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล”โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยากให้สร้างเด็กและเยาวชนให้มีจิตสำนึกสาธารณะ หลายอย่างที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้น คือชอบให้ภาครัฐใช้กฎหมายบังคับ และไม่ชอบปฏิบัติตามกฏหมาย อีกอย่างคือต้องมีใจที่จะเดินหน้าทำงานให้ทันตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ งานของรัฐบาลหลายอย่างจะหวือหวาไม่ได้ เพราะทุกคนทราบดีว่าเป็นปัญหานับ 10 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงต้องวางแผนแก้ไขปัญหาในระยะยาว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้น สมาชิกในเครือข่ายอารยสถาปัตย์ ได้บอกกับ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าขอบคุณที่เข้ามาทำงานช่วยเหลือประเทศ โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ทุกรัฐบาลจะต้องทำ แต่สิ่งที่ทำในวันนี้ ยังไม่เรียบร้อย ถามว่าจะให้เวลาตนทำงานหรือไม่ สิ่งสำคัญที่สุดคือความหวัง เชื่อมั่นและศรัทธา ที่จะทำให้งานทุกอย่างสำเร็จ ทั้งนี้ ในการพัฒนา ชนชั้นกลางจะต้องร่วมมือกับผู้มีรายได้น้อย

จากนั้นสมาชิกเครือข่ายอารยสถาปัตย์ประชาชน ได้บอกกับ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า “ท่านคือฮีโร่” โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ ไม่อยากเป็น ทุกคนเป็นฮีโร่ทั้งหมด

โอกาสนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าชาวพิษณุโลกว่า ในการพัฒนาทุกคนต้องหาศักยภาพตัวเองให้ได้ จะให้ตนเลิกทำงานได้หรือยัง อยากได้คนอื่นเข้ามาทำงานแล้วหรือยัง อยากเลือกตั้งหรือยัง แต่ใครมาทำก็ขอให้ทำให้ดี และประเทศชาติจะต้องมียุทธศาสตร์ชาติ ใครมาก็จะต้องทำตามนี้ ไม่ใช่ทำตามคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ รับเรื่องร้องเรียนปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ช่วยตัวเอง โดยระหว่างที่รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาไม่มีไฟฟ้าใช้ในหมู่บ้าน พล.อ.ประยุทธ์ เรียกพล.อ.อนุพงษ์ มารับเรื่องเพื่อไปแก้ไขปัญหา จากนั้นมีประชาชนเข้าร้องเรียนปัญหาราคาข้าวตกต่ำราคาเกวียนละ 5,000 บาทโดยพล.อ.ประยุทธ์ รู้สึกแปลกใจ จากนั้นได้ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับเรื่องเพื่อไปแก้ปัญหา พร้อมกล่าวว่า แต่ต้องไปดูว่าเป็นเพราะอะไร ปัญหาคุณภาพข้าว ความชื้นของข้าว พร้อมถามชาวนาว่า ได้เข้าโครงการจำนำยุ้งฉางหรือไม่ จึงได้รับคำตอบว่า ไม่ได้ไม่ได้เข้าโครงการเนื่องจากไม่มีที่เก็บ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า “ทำไมไม่เข้าโครงการ ไม่รู้เรื่องเลย อย่างไรก็ตามจะแก้ปัญหาให้” จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาไม่มีที่เก็บน้ำ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน