กรณ์-อรรถวิชช์ แถลงยินดี “สุรชาติ” พร้อมขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่มอบให้ “อรรถวิชช์” โว เขตจตุจักร ยังรักษาฐานเดิมไว้ได้ ชี้เลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าคน กทม. ต้องการการเปลี่ยนแปลง

วันที่ 30 ม.ค.2565 ที่พรรคกล้า นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรกล้า พร้อมด้วย นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ผู้สมัครส.ส.กทม.เขต 9 หลักสี่-จตุจักร ร่วมกันแถลงข่าวหลังคะแนนออกมาอย่างไม่เป็นทางการว่า นายสุรชาติ เทียนทองผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 9 จากพรรคเพื่อไทย มาเป็นอันดับหนึ่ง

นายกรณ์กล่าวว่า เราค่อนข้างที่จะมั่นใจได้แล้วว่า นายสุรชาติน่าจะมาอันดับหนึ่ง ขอถือโอกาสเแสดงความยินดีกับนายนายสุรชาติ และหวังว่าจะเข้าไปปฏิบัติหน้าที่เป็นส.ส.ตามความหวังของชาวหลักสี่-จตุจักร และตนในฐานะหัวหน้าพรรคฯ ขอกราบขอบคุณจากใจ ที่ทุกคะแนนมอบให้นายอรรถวิชช์ และพรรคกล้า ซึ่งเราได้กำลังใจจากคะแนนเสียงที่ได้มา เราทุ่มเทสุดตัว เราไม่ชนะเราก็มีความรู้สึกผิดหวัง เพราะทุกครั้งที่เราลงเลือกตั้งก็ตั้งใจเข้าไปทำหน้าที่ในสภาฯได้

โว

” แต่พรรคเราเป็นพรรคใหม่ เราพูดแต่แรกว่าเราเป็นพรรคสตาร์ธอัพ คือรุกแรง รุกเร็วทุกครั้ง เรียนรู้และปรับตัว ครั้งนี้ก็เหมือนกันเรามีบทเรียน ซึ่งทำให้เรามีกำลังใจ ว่าเรามาถูกทางแล้ว ประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง ต้องการเห็นการเมืองที่มีคุณภาพต้องการเห็นผู้มีอำนาจที่ตอบโจทก์ ใส่ใจแก้ปัญหาให้ประชาชน พรรคกล้าเราถือว่ามาถูกทางในการนำเสนอการเมืองคุณภาพ การเมืองที่มีการเปลี่ยน สร้างโอกาสให้กับประชาชน และสร้างโอกาสให้กับประเทศชาติได้ “

นายกรณ์ กล่าวต่อว่า การเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า คนกทม.ต้องการการเปลี่ยนแปลง คือการเมืองไม่เหมือนเดิม และผมคิดว่า ถ้าผมเป็นรัฐบาลก็คงต้องอ่านสัญญาณนี้ให้ขาด และตั้งคำถามกับตัวเองว่า ในขณะที่ยังอยู่ในอนาจจะต้องทำอะไรเพื่อที่จะแก้ปัญหาช่วยเหลือประชาชนให้ได้มากกว่านี้ เพราะชัดเจนว่า 3 พรรคทีได้คะแนนสูงสุดล้วนเป็นพรรคที่เสนอแนวทางที่เปลี่ยนแปลงและแตกต่างจากรัฐบาล ตรงนี้ชัดเจนว่าสัญญาณการเลือกตั้งครั้งนี้คืออะไร

เสียง

ด้านนายอรรถวิชช์ กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่ให้ตนไว้ และแจ้งข่าวดีให้พรรคกล้าทราบ ว่าฐานเสียงเดิมในเขตจตุจักรเรามาเป็นที่ 1 ส่วนนายสุรชาติ เป็นแชมป์เก่าในเขตหลักสี่ อยู่แล้ว ก็ชนะไป แต่จตุจักรเรารักษาไว้ได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี เราก้าวไปเป็นพรรคการเมือง ในระดับที่มีคะแนนเทียบเท่กับพรรคก้าวไกลที่มีส.ส..50 คนในสภาฯแล้ว วันนี้เราเห็นชัดเจนว่าการเมืองใหม่เกิดขึ้นแล้วในกทม.

” ตัวเลขที่ออกมาสะท้อนชัดเจนว่าการทำการเมืองวิถีแบบใหม่ แบบที่พรรคกล้าเป็นทำให้เราขึ้นมายืนได้ และที่แน่ๆ การเลือกตั้งครั้งหน้า จะเป็นเทรนการเมืองใหม่ที่แต่ละพรคจะต้องเดินตาม และนี่คือความภูมิใจของพวกเราตลอด 30 วัน ในเขตจตุจักร คาดว่าผู้มาใช้สิทธิ์เงียบเหงามาก บอกตรงๆพวกผมลุ้นว่าจะได้คะแนนไม่ถึงหมื่นหรือหายไปเลย ปรากฎว่าไม่ใช่เราเป็นมวยหลักแล้ว นายอรรถวิชช์ ระบุ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน