ก้าวไกล จี้รัฐบาล ถ้าจริงใจ ต้องเร่งถกกฎหมายเลือกตั้ง มั่นใจเสร็จทันเม.ย. ดักคอ บิ๊กตู่ หวังยื้ออำนาจ ไม่ยอมจับปากกาเซ็นต์
เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2565 นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง อาจเสร็จไม่ทันก่อนเดือนก.ค.นี้ว่า กรณีนี้จะเสร็จหรือไม่ อยู่ที่เจตนาของรัฐบาล ไม่ได้อยู่ที่พรรคฝ่ายค้าน เนื่องจากร่างกฎหมายทั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และพรรคฝ่ายค้านอยู่ที่รัฐบาล เพื่อรอให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ตรวจและพิจารณาว่าเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการเงินหรือไม่
หากพิจารณาเสร็จแล้วส่งมาที่สภาได้ทันที อาจเป็นช่วงกลางเดือนก.พ. หรือสัปดาห์หน้า ก็ส่งมาได้เลย แต่หากพยายามดึงเวลาไม่เซ็น ก็จะไม่เสร็จ อยู่ที่รัฐบาลฝ่ายเดียวว่าจะดึงหรือไม่
นายธีรัจชัย กล่าวว่า หากส่งร่างมาที่สภาและผ่านวาระ 1 เมื่อตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ก็เร่งประชุมสัปดาห์ละ 2-3 วัน ใช้เวลา 1 เดือน จากนั้นเข้าสู่วาระ 2 และ 3 อีก 1 เดือนก็เสร็จได้ หากส่งร่างกฎหมายเข้าในเดือนก.พ. ก็จะสิ้นกระบวนการในช่วงเดือนเม.ย.นี้ เพราะมีประเด็นที่โต้แย้งหนักไม่กี่ประเด็น ยกตัวอย่างร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยังเร่งจัดทำให้เสร็จได้ในเวลาไม่นาน
“หากรัฐบาลไม่ยอมเร่ง คือมีเจตนาเพื่อหวังผลทางการเมืองที่อยากอยู่ยาว ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลไม่ควรทำ แต่ควรเปิดโอกาสและคืนอำนาจให้ประชาชนได้มีสิทธิ์เลือก และรัฐบาลต้องพิจารณาตัวเองว่าควรจะอยู่บริหารงานต่อหรือไม่ ซึ่งควรจะเร่งจัดทำไปพร้อมกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ตัดอำนาจ ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรี ที่นำโดยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร เพื่อที่ครั้งหน้าจะไม่ต้องให้ส.ว. มีอำนาจเลือกนายกฯ เพราะเป็นการเอาเปรียบและขี้โกงเกินไป หากยังยึดติดอำนาจแบบนี้ ประเทศจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้” นายธีรัจชัย กล่าว
เมื่อถามว่าหากเกิดการยุบสภา หรือนายกฯ ลาออก ก่อนจัดทำร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับเสร็จ ทำให้รัฐบาลต้องออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กำหนดกติกาเอง จะยอมรับได้หรือไม่ นายธีรัจชัย กล่าวว่า ต้องอยู่ที่ว่ากติกาออกมาแบบใด ถ้าออกอย่างยุติธรรมและไม่เอาเปรียบกัน ก็ไม่มีปัญหา แต่หากออกแบบเข้าข้างตัวเอง และเอาเปรียบทุกอย่าง ก็คงรับไม่ได้
นอกจากนี้อยู่ที่ว่ารัฐบาลมีสำนึกที่จะคืนอำนาจให้กับประชาชนหรือไม่ หากไม่มีสำนึกในส่วนนี้ก็จะออก พ.ร.ก. ที่เอาเปรียบทุกประตู ซึ่งอาจมีปัญหาแทรกซ้อนขึ้นมา ทั้งหมดอยู่ที่ความสุจริตของพล.อ.ประยุทธ์ และคณะมากกว่าว่าจะเอาอย่างไร
