“บิ๊กป้อม”ปฏิเสธตั้งพรรคทหาร ยืนกรานไม่เล่นการเมือง “บิ๊กตู่” ยันสนิทนายกฯมาเลย์ โต้ทวิตเตอร์จวก ไม่มีเว็บเพจส่วนตัว ย้ำเรียกค่าชดเชยคดีจำนำข้าวจากอดีตนายกฯปู ไม่ขัดกฎหมายละเมิด ตั้งผู้ปฏิบัติงานในคสช. 34 ราย “วิษณุ”ยอมรับกับกรรมการสิทธิมนุษยชนออสเตรเลีย ไทยยังจำกัดสิทธิทางการเมือง รัฐสภาโลกเชื่อมั่นไทยเดินตามโรดแม็ปไปสู่เลือกตั้ง กรธ.ปรับแก้ร่างพ.ร.บ.พรรคการเมืองของกกต. ตั้งพรรคง่ายขึ้น ยันไม่รีเซ็ตให้ยุ่งยาก กำหนดโทษกก.บห.รับคำสั่งจากคนบงการ “จตุพร”อยู่เรือนจำยาว ศาลยกคำร้องขอปล่อยตัว

บิ๊กตู่โต้ทวีตอัดนายกฯมาเลย์

วันที่ 25 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า กรณีมีผู้แอบอ้างชื่อตนเองในทวิตเตอร์ โจมตีนายนาจิบ ราซัก นายกฯ มาเลเซีย ว่า ยืนยันตนไม่เคยมีเว็บเพจเป็นของตัวเอง และที่มีชื่อตนต้องดูว่าเจตนารมณ์ทำเพื่ออะไร เท่าที่ตรวจสอบมีหลายครั้งที่ออกมาทำนองนี้ และต่างประเทศก็มีแบบนี้อาจไม่ใช่ของตนคนเดียว แม้กระทั่งการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาก็มีลักษณะเช่นนี้เหมือนกัน แสดงว่าเอาเยี่ยงอย่างมาหรือเปล่า ไม่แน่ใจ ตนกับผู้นำประเทศมาเลเซียเป็นเพื่อนสนิทกัน เป็นผู้นำประเทศเหมือนกัน และทางอาเซียนตกลงกันแล้วเรื่องใดที่เป็นกิจการภายในก็แก้ปัญหากันไป แต่เรื่องใดที่สร้างสรรค์ก็เป็นความร่วมมือระหว่างอาเซียน ขอแยกแยะให้ออก

“ขอขอบคุณคนที่หวังดีกับรัฐบาลและผม อะไรก็แล้วแต่ผมถือว่าหวังดี ขอให้มองสองด้าน ถ้าเราทำมากเกินไปย่อมมีคนไม่ชอบต้องมีสองอย่างเสมอ ขอให้เข้าใจต้องทำอย่างไรให้คนทั้งประเทศมีเหตุผลดำเนินชีวิตต่อไปโดยที่ประเทศชาติจะไม่มีความขัดแย้ง ไม่แบ่งสีแบ่งพวกอีกแล้ว ต้องไม่มีอีก ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้ต้องทำถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงอยู่กับเรามาตลอด พระองค์ท่านทรงไม่มุ่งหวังให้ประชาชนขัดแย้งต่อไป” นายกฯ กล่าว

งบใหม่บูรณาการแผนงาน

นายกฯ กล่าวว่า เรื่องสำคัญวันนี้ในที่ประชุม ครม.ที่สั่งการไปคือหลังจากที่ตนเปิดประชุมเรื่อง พ.ร.บ.การจัดทำงบประมาณใหม่ในปี”60-61 จะมีการจัดทำงบประมาณให้ชัดเจนขึ้น เป็นการพิจารณาแบบบูรณาการแผนงานโครงการ ซึ่งในกระทรวงเดียวกันแต่ละกรมต้องเอากิจกรรมมาจับและใช้งบประมาณแต่ละกรมมาเสริมกัน จากนั้นข้ามไปสู่แต่ละกระทรวงและขับเคลื่อนไปสู่กิจกรรมหลักของประเทศ เพราะฉะนั้นการใช้จ่ายงบประมาณตั้งแต่ปีนี้ให้ใช้ตาม พ.ร.บ.งบประมาณเดิมไปก่อน แต่ต้องให้สอดคล้องกับรายไตรมาสที่มีอยู่ ขณะที่งบประมาณใหม่ต้องเสนอให้ตรงกรอบกับยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้

นายกฯ กล่าวว่า สิ่งต่างๆ ทั้งหมดต้องวางแผนล่วงหน้ามีการกำหนดว่าทำได้กี่เปอร์เซ็นต์ หากทำไม่ได้ต้องไปชี้แจงกันเอง เพราะตนไม่สามารถจะไปไล่ล่าใครได้ ต้องชี้แจงประชาชนที่เลือกรัฐบาลเข้ามา ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นหลักเกณฑ์กับประชาชนได้ติดตาม มากกว่าที่จะรับในสิ่งตอบแทนเล็กน้อย ประเทศชาติต้องมาก่อนเสมอ

มอบ”สมคิด”หัวหน้าคณะดูแล

พ.อ.หญิงทักษดา สังข์จันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงภายหลังประชุมครม. ถึงการจัดทำพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายใหม่ประจำปี พ.ศ.2561 ตามยุทธศาสตร์ชาติว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้แบ่งกลุ่มแผนงานไปแล้ว 28 กลุ่มงาน มีกลุ่มงานที่เพิ่มขึ้นคือ กลุ่มงานไทยแลนด์ 4.0 กลุ่มงานเกษตร และกลุ่มงานอีอีซี ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มที่เพิ่มขึ้น นายกฯ ย้ำว่าไม่ใช่ประเทศไทยจะก้าวสู่ยุคดิจิตอลแล้วจะไม่ดูแลพี่น้องที่เป็นรากฐานของประเทศ ทั้งหมดที่ทำเพื่อเสริมฐานรากของประเทศให้แข็งแกร่งขึ้น และการทำงบประมาณรูปแบบใหม่นี้ รองนายกฯ 6 คนจะกำกับดูแลในสายงานของแต่ละคน และให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เป็นหัวหน้าคณะดูแลงานด้านงบประมาณ กลั่นกรองก่อนส่งให้นายกฯ

พ.อ.หญิงทักษดากล่าวถึงการใช้โซเชี่ยลมีเดียแอบอ้างชื่อพล.อ.ประยุทธ์ โจมตีผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน ว่า เป็นการทวิตเตอร์ผ่านชื่อ GeneralPrayut แอบอ้างว่าพล.อ.ประยุทธ์ ว่ากล่าวผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งไม่เป็นความจริง นายกฯ ยังพูดในที่ประชุมครม.ด้วยว่า ผู้นำประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศเป็นเพื่อนกับ นายกฯ ไม่มีการกระทำเช่นนั้นโดยเด็ดขาด

ครม.ตั้งศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ

พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการ ประชุมครม.ว่า ครม.เห็นชอบตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เสนอการจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ เนื่องจากมีการเรียกร้องให้ตั้งศูนย์ในระดับอำเภอ โดยให้นายกฯ ใช้มาตรา 44 ซึ่งหลังจากนายวิษณุประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีมติว่ากระทรวงมหาดไทยสามารถตั้งศูนย์ได้โดยไม่ต้องใช้มาตรา 44 เนื่องจากคำสั่งคสช. ที่ 96/2557 มอบอำนาจให้ผู้ว่าฯ จัดตั้งศูนย์ในระดับอำเภอได้ และมอบการดูแลให้กับนายอำเภอได้

ผู้ช่วยโฆษกรัฐบาล กล่าวว่า หลังจากดำเนินการไปช่วงหนึ่งแล้ว นายกฯ กำชับให้พิจารณาว่าการมีศูนย์ดำรงธรรมระดับจังหวัดหรืออำเภอ ส่วนไหนมีประสิทธิภาพมากกว่า ไม่จำเป็นต้องมี 2 ส่วน เพื่อประหยัดงบประมาณ รวมถึงไม่ต้องมีศูนย์ทุกอำเภอ อย่างไรก็ตาม การจัดตั้งศูนย์ระดับอำเภอ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในการร้องเรียนโดยไม่ต้องเข้ามาในจังหวัด การแก้ปัญหาจะทำได้เร็วขึ้น

รบ.โต้ชัตดาวน์เศรษฐกิจ

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงผลประชุมครม.กรณีมีอดีตรัฐมนตรีเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ผ่านมา ระบุมีการชัตดาวน์ด้านเศรษฐกิจว่า นายกฯเป็นห่วงว่าหากประชาชนอ่านแล้วจะกังวลและส่งผลต่อดัชนีความเชื่อมั่น จึงให้กระทรวงการคลังชี้แจง โดยมีข้อสรุปว่า ข้อมูลที่อดีตรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจคนดังกล่าวชี้แจงไม่มีข้อมูลพื้นฐานที่ตรงกับความเป็นจริง และพูดแบบตีขลุมแบบหว่านแห กระทรวงการคลังชี้แจงว่าการบริโภคภาคเอกชนมีการขยายตัวต่อเนื่อง การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย มีการขอรับการส่งเสริมการลงทุนมูลค่ากว่า 157,800 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 43

พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า สถานการณ์ล่าสุดของการท่องเที่ยวในประเทศ มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ก.ย. 2.4 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 17.8 ต่อปี ถ้ารวมการท่องเที่ยว 9 เดือนแรกของปี 2559 มีนักท่องเที่ยว 24.8 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 12.4 ต่อปี สร้างรายได้การท่องเที่ยว 1,230.2 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.1 และที่สร้างความมั่นใจได้คือเศรษฐกิจไตรมาสที่ 4 ยังมีความต่อเนื่องในนโยบายการเงินการคลังผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัว โดยอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าอดีตรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง

วิษณุแจงกก.สิทธิออสเตรเลีย

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวหลังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนออสเตรเลียเข้าพบว่า คณะดังกล่าวสอบถามเรื่องโรดแม็ปของไทยและสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนบางอย่าง ซึ่งตนอธิบายโรดแม็ปอย่างละเอียด และชี้แจงว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ไม่ปกติจึงขอให้เขาเข้าใจ หากหวังจะให้ไทยมีความเป็นประชาธิปไตยอย่างเต็มที่คงไม่ได้ เช่นเดียวกับสิทธิมนุษยชนจะให้มีเต็มที่ในขณะนี้คงไม่ได้ เราทำตามกฎหมาย แต่ไม่ใช่ว่าเราไปละเมิดสิทธิมนุษยชน

นายวิษณุกล่าวว่า การบังคับใช้กฎหมายเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติ อาจทำให้บางคนไม่พอใจ โดยคณะกรรมการชุดดังกล่าวเข้าใจ เพราะผ่านสถานการณ์ประเทศต่างๆ มาแล้ว แม้แต่ออสเตรเลียก็เคยเกิดสถานการณ์แบบนี้มาแล้วเช่นกัน และสิ่งที่เขาสนใจคือสื่อโซเชี่ยลและสิทธิมนุษยชนด้านสังคม สิทธิของเด็ก สตรี คนชรา คนพิการ รวมถึงผู้ด้อยโอกาส ที่เห็นว่าประเทศไทยมีบทบาทในเรื่องนี้เพื่อชดเชยเรื่องสิทธิมนุษยชนทางการเมือง ขณะที่ประเด็นการเมืองนั้นเขาเข้าใจว่ามีเหตุจำเป็นที่เป็นเหตุเพียงชั่วคราว

เมื่อถามกรณีกฎหมายที่ยังค้างสภาจำเป็นต้องรอการลงพระปรมาภิไธยโดยพระมหากษัตริย์องค์ใหม่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่ารัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่นๆ มีเวลา 90 วัน เมื่อกฎหมายต่างๆ ผ่านการพิจารณาของสนช.แล้วจะส่งมาที่รัฐบาล ซึ่งมีเวลาพิจารณา 20 วัน ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯถวาย เมื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ จะมีเวลา 90 วัน ทั้งนี้ ใครเป็นผู้มีอำนาจในช่วงเวลาขณะนั้นก็จะเป็นผู้ลงนาม จึงไม่มีปัญหาเพราะมีการประสานภายในแล้วว่ากิจการอะไรที่เร่งด่วนหรือจำเป็น ไม่ว่ากฎหมายหรือเรื่องอื่นใดให้เสนอตามปกติ หากไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนรัฐบาลก็ส่งไปตามกระบวนการปกติ

รัฐสภาโลกเชื่อไทยคงโรดแม็ป

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า วันที่ 23-27 ต.ค. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นำโดยนางพิไลพรรณ สมบัติศิริ ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การต่างประเทศ สนช. นายสมชาย แสวงการ รองประธานกมธ. นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล เลขานุการกมธ. เดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ 135 ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยเมื่อวันที่ 24 ต.ค. ได้เข้าพบนายซาเบร์ โฮซเซน เชาว์ดรี ประธานสหภาพรัฐสภา เพื่อหารือถึงสถานการณ์การเมืองการปกครองไทย ประธานสหภาพรัฐสภาระบุเข้าใจถึงโรดแม็ปและสถานการณ์การเมืองของไทย ท่ามกลางความเศร้าเสียใจของประชาชนไทยที่อยู่ในช่วงการแสดงความไว้อาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เเละเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะเดินหน้าตามโรดแม็ป จัดให้มีการเลือกตั้งได้ภายหลังพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระบรมศพ

นอกจากนี้ ในการประชุมดังกล่าว สมาชิกสนช.ได้รับการเสนอชื่อให้ทำหน้าที่ใน 2 กมธ.ของไอพียูคือ นางพิไลพรรณได้รับเลือกเป็นกมธ.เต็มวาระว่าด้วยสหประชาชาติ และนายอนุศาสน์ได้รับเลือกเป็นกมธ.สามัญว่าด้วยสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เมื่อรวมกับนางสุวรรณี สิริเวชชะพันธ์ ที่ได้รับเลือกเป็นกมธ.สมาชิกรัฐสภาสตรี ในการประชุมไอพียู ครั้งที่ 134 ที่ประเทศแซมเบีย ทำให้มีสมาชิกสนช.ได้รับการยอมรับใน ตำแหน่งกมธ.สมัชชาสหภาพรัฐสภาแล้ว 3 คน

กรธ.แก้ร่างกกต.-วิธีจัดตั้งพรรค

ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) กล่าวก่อนการประชุมถึงความคืบหน้าการร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองว่า กรธ.เชิญคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มารับฟังความเห็นในประเด็นที่มีการปรับแก้ว่า จะมีปัญหาหรือไม่ จะได้แก้ไขให้เรียบร้อย โดยประเด็นปรับแก้มีวิธีการจัดตั้งพรรคที่เปลี่ยนแปลงจากร่างของกกต. ซึ่งเดิมทำเป็น 2 ขยัก จดทะเบียนจองก่อนแล้วค่อยรวบรวมตั้ง แต่กรธ.ทำเป็นขยักเดียวได้คือมี 500 คนก็ทำได้เลย หรือถ้าจะไปรวบรวมให้เสร็จภายใน 3 เดือนหรือ 6 เดือนก็ได้เพื่อให้ง่ายขึ้น และเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับพรรคอย่างแท้จริง

นายมีชัยกล่าวว่า เมื่อรวบรวม 500 คนแล้ว แต่ละคนต้องจ่ายเงินเป็นทุนประเดิมของพรรคในการทำกิจกรรม อีกทั้งยังเป็นการแสดงความเป็นเจ้าของพรรคด้วย ส่วนสมาชิกพรรคก็เก็บค่าสมาชิกพรรค ซึ่งจะไม่ใช่ในส่วนของเงินอุดหนุนพรรค นอกจากนี้ฐานในการคำนวณจะยึดประชาชนมากที่สุด ไม่ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่พรรคทำ จึงเป็นประเด็นที่แตกต่างจากเดิม แต่ถ้าพบว่ามีการใช้เงินที่ไม่ถูกต้อง คณะกรรมการบริหารพรรคจะมีความผิด ถูกตัดสิทธิในการตั้งพรรคใหม่ หรือเข้าร่วมเป็นผู้บริหารพรรคในอนาคต

ยันไม่มีรีเซ็ตพรรค-ชี้ยุ่งยาก

นายมีชัยกล่าวว่า พรรคควรมีสมาชิกในแต่ละจังหวัดและค่าสมาชิกพรรคจะเป็นตัวกำหนดเงินอุดหนุน อาจต้องตั้งสาขาพรรคอย่างน้อย 4 สาขา แต่จังหวัดอื่นๆ ถ้ามีสมาชิกถึงจำนวนที่กำหนดก็ต้องตั้งตัวแทนพรรคไว้ที่จังหวัดนั้นๆ และการเลือกตั้งผู้บริหารหรือผู้สมัครคนเหล่านี้จะเป็นโหวตเตอร์และคณะกรรมการสรรหาด้วย พร้อมกับย้ำว่าไม่มีการหารือเกี่ยวกับการรีเซ็ตพรรค โดยพยายามจะไม่รีเซ็ตเพราะยุ่งยาก ดังนั้น จึงไม่มีการบังคับหากผู้บริหารพรรคไม่มีลักษณะต้องห้ามก็ไม่มีปัญหา เท่ากับในบทเฉพาะกาลไม่มีเขียนให้ต้องจดทะเบียนพรรคใหม่

ประธานกรธ.กล่าวว่า ทั้งนี้ กฎหมายใหม่จะแตกต่างจากเดิมคือ การจัดตั้งพรรคจะไม่ยากและต้องมีทุนประเดิมของพรรค อีกทั้งสมาชิกพรรคจะมีส่วนร่วมกำหนดนโยบาย คัดสรรตัวผู้สมัคร รวมทั้งมีหน้าที่ชำระค่าสมาชิก ซึ่งจำนวนเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดเงินอุดหนุนให้กับพรรคนั้นๆ สิ่งเหล่านี้จะทำให้ประชาชนที่มีทิศทางเดียวกับพรรคนั้น เข้ามาเป็นเจ้าของพรรคอย่างมีนัยยะสำคัญ แต่ถ้าพบว่ามีการเป็นสมาชิกพรรคซ้ำซ้อนกันตามกฎหมายจะให้พ้นจากสมาชิกพรรคทั้งคู่ แต่ยังไปสมัครพรรคอื่นได้

มีข้อห้ามบงการพรรค

นายมีชัยกล่าวว่า ส่วนกลไกป้องกันไม่ให้มีผู้บงการพรรคนั้น มีการเขียนห้ามคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาบงการพรรค สมาชิกทำได้เฉพาะในกรอบ จะมีบทลงโทษในทางอาญาด้วย แต่ยังไม่ได้คุยว่าจะมีบทลงโทษอย่างไรทางการเมือง สาเหตุที่ทำให้พรรคถูกยุบมี 2 ประการคือ สิ้นสภาพ หรือถูกยุบกรณีมี นโยบายต่อต้านระบอบการปกครอง หรือใช้วิธีการนอกเหนือรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ส่วนกรณีมีผู้ไม่เกี่ยวข้องมาบงการพรรคนั้น นอกจาก เป็นความผิดเฉพาะตัวแล้วยังไปถึงพรรคด้วย เพราะหากพรรครับคำสั่งคนอื่นผู้บริหารพรรคก็ต้องพ้นไปด้วยเพื่อแก้ปัญหาที่เคย เกิดขึ้นในอดีต

นายมีชัยกล่าวถึงการกำหนดหลักเกณฑ์เสรีภาพในการออกเสียงของส.ส.ว่า ข้อบังคับและมติของพรรคต้องไม่ขัดต่อความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ของส.ส. แต่ไม่ได้เขียนเจาะจงเพราะไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้น พรรคยังสามารถมีมติขับส.ส.ออกจากพรรคได้ตามกฎเกณฑ์ของแต่ละพรรค ส่วนการลงคะแนนเลือกนายกฯ จะถือว่าเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ของส.ส.หรือไม่นั้น ในรัฐธรรมนูญไม่ได้พูดถึงเรื่องเหล่านี้ ดังนั้น หากเกิดกรณีว่าพรรคมีมติแต่ส.ส.ไม่ปฏิบัติตาม พรรคก็ต้องไปขับไล่กัน เพราะยังมีอำนาจตามสมควร แต่ถ้าส.ส.คิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะเห็นว่าเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ก็ไปร้องต่อศาลให้คุ้มครองชั่วคราวและเพิกถอนได้ ตนจำไม่ได้ว่าเป็นศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองสูงสุด หากศาลวินิจฉัยว่าขัดต่อความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ ข้อบังคับนั้นก็จะตกไป

สนช.ถกถอดสส.เพื่อไทย 28 ตค.

ที่รัฐสภา นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสนช. หรือวิปสนช. แถลงผลการประชุมวิปสนช.ว่า การ ประชุมสนช.วันที่ 28 ต.ค. เริ่มในเวลา 13.00 น. มีวาระการพิจารณาถอดถอนนายนริศร ทองธิราช อดีตส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย กรณีการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน และนายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีตส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย กรณีการสลับสับเปลี่ยนร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2550 เรื่องที่มาส.ว. โดยจะเป็นขั้นตอนการซักถามคำถามของคณะกรรมาธิการซักถามต่อคู่กรณีทั้งสองฝ่ายคือ ป.ป.ช.กับนายนริศรและนายอุดมเดชจำนวน 19 คำถาม โดยกรณีถอดถอนนายนริศรจะเป็นการซักถามป.ป.ช. 5 คำถาม และนายนริศร 5 คำถาม ส่วนกรณีถอดถอนนายอุดมเดช เป็นการซักถามป.ป.ช. 5 คำถาม และนายอุดมเดช 4 คำถาม จากนั้นในวันที่ 3 พ.ย. จะเป็นวาระการแถลงปิดสำนวนของป.ป.ช. กับนายนริศรและนายอุดมเดช และวันที่ 4 พ.ย. สนช.จะลงมติพิจารณาถอดถอนนายนริศรและนายอุดมเดชหรือไม่

ศาลยกคำร้องขอปล่อยตัว”จตุพร”

เวลา 15.00 น. ที่ศาลอาญา นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) จำเลยที่ 2 ในคดีหมายเลขดำ อ.2542/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย ซึ่งอัยการโจทก์ยื่นคำร้องเพิกถอนการปล่อยชั่วคราว และศาลอาญามีคำสั่ง เพิกถอนการปล่อยชั่วคราว เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ที่ผ่านมา ได้เดินทางมายื่นคำร้องเพื่อขอ ปล่อยชั่วคราวนายจตุพร ต่อศาลอาญาเป็น ครั้งแรก

คำร้องระบุเหตุผลว่า ศาลเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวเป็นเวลา 15 วันแล้ว ระยะเวลาที่เกิดขึ้นก็เป็นระยะเวลาที่เหมาะสม และนายจตุพรยอมรับถึงผลที่เกิดขึ้น มีการรับโทษไปแล้ว และหากได้รับการปล่อยชั่วคราวจำเลยจะระมัดระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีก ซึ่งการที่ศาลจะรับฟังเรื่องการดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทที่มีอัตราโทษน้อยกว่าคดีที่จำเลยที่ 2 โดนดำเนินคดีอยู่นั้น จะเปิดช่องว่างในการกำหนดเงื่อนไขของศาลเอามาเป็นเหตุให้จำเลยต้องรับโทษทางอาญาโดยการถอนประกัน ซึ่งไม่น่าจะเหมาะเพราะคดีก่อการร้ายที่จำเลยโดนคดีอยู่นั้นต้องใช้เวลาพิจารณาคดียาวนาน ซึ่งบุคคลที่อ้างว่าได้รับความเสียหายก็ใช้สิทธิได้อยู่แล้วและเป็นสิทธิที่จะใช้ฟ้องคดีดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาท ก็มีโทษเบากว่าคดีที่นายจตุพรโดนดำเนินคดีอยู่ขณะนี้

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ก่อนหน้านี้ศาลเคยมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยจำเลยที่ 2 ในคดีนี้โดยกำหนดเงื่อนไขปล่อยตัวชั่วคราว ตามคำสั่งในรายงานลงวันที่ 22 ส.ค. 2555 และวันที่ 30 พ.ย. 2555 แล้ว ต่อมาจำเลยที่ 2 ก็ยอมรับว่าได้พูดออกรายการโทรทัศน์และให้สัมภาษณ์สื่อต่างๆ ตามที่โจทก์ร้องขอให้เพิกถอนประกันจริง ซึ่งศาลพิจารณาแล้วผิดเงื่อนไขตามที่ศาลกำหนดไว้ แม้บุคคลผู้ที่อาจได้รับความเสียหายมิได้ใช้สิทธิฟ้องร้องหรือยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อเพิกถอนประกันก็ตาม แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะร้องขอถอนประกันและศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนประกันได้ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการปล่อยชั่วคราวและศาลเพิ่งมีคำสั่งเพิกถอนประกันจำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2559 และขณะนี้ยังไม่มีพฤติการณ์ใดทำให้เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งที่เพิกถอนการปล่อยชั่วคราว จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยที่ 2 ยกคำร้อง

ภายหลังนายวิญญัติกล่าวว่า แนวทางหลังจากนี้จะพิจารณาว่าจะยื่นประกันใหม่อีกครั้งหรือไม่ ส่วนจะใช้เวลาเท่าไรยังบอกไม่ได้ เพราะการจะยื่นคำร้องอีกครั้งต้องดูเหตุเพื่อให้มีผลเปลี่ยนแปลงคำสั่งได้ อย่างในคำสั่งของศาลก็ระบุว่าเพิ่งมีคำสั่งเมื่อวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา เวลาจึงอาจจะต้องมีความเหมาะสมมากกว่านี้

“บิ๊กตู่”จี้”ปู”แจงปมข้าวในศาล

วันที่ 25 ต.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. กล่าวกรณีทนาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เตรียมอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองเรียกชดใช้ค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าว 3.5 หมื่นล้าน ภายในพ.ย.นี้ว่า ถือเป็นสิทธิ์ที่จะเรียกร้องหรือยื่นอุทธรณ์ ฝ่ายกฎหมายระบุว่าตามขั้นตอนหากอุทธรณ์ไม่ได้อาจไปขอทุเลาในชั้นศาลได้ ถือเป็นกระบวนการยุติธรรมตามปกติ ตนมีหน้าที่นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเท่านั้นและไม่เคยบอกว่าสิ่งที่เกิดนั้นถูกหรือผิด แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นมีจำนวนมากพอสมควรก็ต้องไปชี้แจงในชั้นศาล

นายกฯ กล่าวว่า ส่วนที่มองว่าคำสั่งศาลปกครองขัดเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ. 2539 นั้น ตนได้ปรึกษากับฝ่ายกฎหมายซึ่งเป็นผู้ที่ร่วมร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวเมื่อปี 2539 ยืนยันว่าไม่ขัดต่อเจตนารมณ์แล้วจะให้ตนว่าอย่างไรต่อได้

“มันเป็นสิ่งที่ต้องทำ ฝ่ายกฎหมายยืนยันว่าไม่ขัดต่อเจตนารมณ์ ดังนั้นหากมีข้อชี้แจงอย่างไรขอให้ไปชี้แจงในชั้นศาลอย่ามาชี้แจงในสื่อ ผมจะไม่ขอพูดตอบโต้ในเรื่องนี้อีกเพราะถือว่าผมนำเรื่องเหล่านี้เข้าไปแล้ว ขอให้ไปชี้แจงด้วยหลักฐานที่มีอยู่ อย่าลืมว่าทุกคดีผมไม่ได้เริ่มต้น เป็นคดีที่ค้างมานาน ผมต้องรับมาปฏิบัติต่อไปในกระบวนการยุติธรรม เมื่อเข้าไปแล้วก็ถือว่าหมดหน้าที่ของผม ขอให้รอฟังว่าผลจะออกมาอย่างไร ไม่อยากให้สร้างความขัดแย้งต่อไปในทุกเรื่อง ในสิ่งที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความไม่สงบเรียบร้อย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงอายุความการเรียกค่าเสียหายความรับผิดทางละเมิดโครงการรับจำนำในอีก 80 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือว่า ขณะนี้ยังไม่รู้ตัวผู้กระทำผิด อายุความจะเริ่มนับเมื่อรู้การกระทำและตัวผู้กระทำผิด ส่วนคดีความที่อยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) จะเริ่มนับอายุความก็ต่อเมื่อป.ป.ท.ได้พิจารณาชี้มูลความผิดใครบ้าง ก่อนแจ้งมายังหน่วยงานต้นสังกัด เมื่อได้รับแล้วจะถือว่าอายุความได้เริ่มต้นขึ้น และคดีความที่ป.ป.ท.พิจารณาอยู่ 900 กว่าคดีนั้น ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) รวมถึงการรับซื้อ การจัดเก็บข้าว และเมื่อรู้ตัวผู้กระทำผิดว่าเป็นใครบ้างแล้ว จะตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาความรับผิดชอบต่อไป

“บิ๊กป้อม”โต้หนุนตั้งพรรคทหาร

วันที่ 25 ต.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวจัดตั้งพรรคอธิปไตยปวงชนชาวไทย โดยมีนายสมาน ศรีงาม เป็นเลขาธิการพรรค และนายประภาส โงกสูงเนิน ประธานสภาประชาชน 4 ภาค เป็นรองเลขาธิการพรรค และมีการเชื่อมโยงว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และพล.อ.ประวิตร สนับสนุนการจัดตั้งพรรคทหาร ว่า ตนไม่รู้เรื่อง ไม่เกี่ยวข้อง ไม่รู้จัก 2 คนนี้ เอาชื่อรองแม่ทัพภาคที่ 2 ไปอ้าง ซึ่งตนกับนายกฯ ไม่เคยคิดจะลงเล่นการเมืองอยู่แล้ว ขออย่าโยง

กระแสข่าวเกิดขึ้นเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 ต.ค. ที่ผ่านมา พล.ต.ธรากฤต ทับทองสิทธิ์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 และ รองผอ.รมน.ภาค 2 เป็นตัวแทน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ต.นากลาง อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา โดยมี นายประภาส และนายสมาน ร่วมต้อนรับ มีสมาชิกสภาประชาชน 4 ภาคกว่า 300 คน ร่วมงาน

หลังเสร็จพิธี นายสมาน ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดตั้งพรรคอธิปไตยปวงชนชาวไทย ผู้บริหารพรรคจะมาจากตัวแทนกลุ่มสาขาอาชีพทั่วประเทศในรูปสภาประชาชน จึงจะขอมติประชาชนให้คสช.โอนอำนาจการปกครองให้พรรคอธิปไตยปวงชนชาวไทยบริหารประเทศต่อ แล้วจัดเลือกตั้งภายหลัง เพราะหากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ พล.อ.ประวิตร ลงจากตำแหน่งโดยไม่มีพรรคที่มาจากประชาชนมารับช่วง จะกลับสู่เผด็จการทางการเมือง แต่ยืนยันไม่ใช่พรรคทหาร

คสช.ตั้งผู้ช่วยงานเพิ่ม34ราย

วันที่ 25 ต.ค. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งคสช. ที่ 5/2559 เรื่อง แต่งตั้ง ผู้ปฏิบัติงานในคสช. ตามที่มีประกาศคสช. ฉบับที่ 93/2557 ลงวันที่ 17 ก.ค. 2557 เรื่อง การกำหนดอัตราตำแหน่ง และค่าตอบแทนของผู้ปฏิบัติงานในคสช.แล้วนั้น เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจของคสช. ในการรักษาความสงบเรียบร้อยและการสนับสนุนภารกิจของรัฐบาลเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้เปลี่ยนแปลงการแต่งตั้งบุคคลปฏิบัติงานในคสช. ตามคำสั่งคสช.ที่ 15/2558 เรื่อง แต่งตั้งผู้ปฏิบัติงานในคสช. ลงวันที่ 30 ต.ค.2558 และคำสั่งคสช. ที่ 17/2558 เรื่อง แก้ไขรายชื่อผู้ปฏิบัติงานในคสช. ลงวันที่ 24 พ.ย.2558 รวม 34 ราย ดังนี้

รองเลขาธิการประจำผู้ดำรงตำแหน่งในคสช. 14 ราย คือ พล.อ.อาทร โลหิตกุล พล.ต. อนุศิษฐ์ ศุภธนิต พล.ร.อ.บรรจบ ปรีชา พล.อ.ท.สุรศักดิ์ หมู่พยัคฆ์ พล.อ.มงคล เผ่าพงษ์คล้าย พล.อ.สถิต แจ่มจำรัส พล.อ.เยาวดนัย ภู่เจริญยศ พล.ท.ไชยชาญ ศรีวิเชียร พล.อ.ธงชัย สาระสุข พล.ร.อ.ชุมพล วงศ์เวคิน พล.อ.อ.อนันตศักดิ์ อะดุงเดชจรูญ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ สายันประเสริฐ นางมยุระ ช่วงโชติ พล.ท.โกญจนาท ศุกระเศรณี

ที่ปรึกษาประจำผู้ดำรงตำแหน่งในคสช. 14 ราย คือ พล.อ.อมรฤทธิ์ แพทย์เจริญ พล.อ. ประภาณ สุวรรณวัฒน์ พล.ร.อ.มานิตย์ สูนนาดำ พล.อ.อ.วิโรจน์ นิสยันต์ พล.ต.ต.เกรียงศักดิ์ อรุณศรีโสภณ พล.อ.ระพีศักดิ์ ธนะพัฒน์ พล.ท.ทรงศักดิ์ สหสมโชค พล.ต.จิรวิทย์ เดชจรัสศรี พล.อ.บัณฑิตย์ บุณยะปาน พล.ร.อ.บุญชัย มรินทร์พงษ์, พล.อ.อ.ฌเนศ ชลิตภิรัติ พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช, พล.ต.ท.ไพศาล เชื้อรอด พล.ต.สุรชัย สินไชย

รวมทั้งตั้ง พ.อ.วินธัย สุวารี เป็น โฆษกประจำคสช. พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง เป็น รองโฆษกคสช. พล.ต.วิระ โรจนวาศ เป็นประจำคสช. พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ เป็น ประจำคสช. นายคนันท์ ชัยชนะ เป็น ประจำคสช. และน.ส.ณัชฐานันท์ รูปขจร เป็น ประจำคสช.

ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1 ต.ค.2559 เป็นต้นไป สั่งวันที่ 20 ต.ค.2559 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.

ครม.ตั้ง”ธัชพล”ผู้ว่าการเคหะ

วันที่ 25 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมครม.ว่า ครม.มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงต่างๆ เสนอ กระทรวงการคลัง เสนอแต่งตั้งนายณพงศ์ ศิริขันตยกุล รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็น ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบบัญชี กรมบัญชีกลาง ตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค.2559 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แต่งตั้ง นายอาณัติ ชวนะเกรียงไกร ผู้ช่วยปลัดกระทรวง เป็น รองปลัดกระทรวง นายปัญญา หาญลำยวง รองอธิบดีกรมพลศึกษา เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวง

กระทรวงแรงงาน แต่งตั้ง นายวิชัย คงรัตนชาติ รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เป็น ผู้ตรวจราชการ นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เป็น ผู้ตรวจราชการ นางเพชรรัตน์ สินอวย ผู้ช่วยปลัดกระทรวง เป็นผู้ตรวจราชการ

ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) เสนอรับโอนและแต่งตั้ง 2 ราย คือ นายเถกิงศักดิ์ ยกศิริ รองผู้ว่าฯนราธิวาส เป็น รองเลขาธิการศอ.บต. และนายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ รองผู้ว่าฯนราธิวาส เป็น รองเลขาธิการศอ.บต.

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เสนอแต่งตั้ง นายธัชพล กาญจนกูล เป็น ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้าง แต่ไม่ก่อนวันที่ครม.มีมติ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน