ชลน่าน เชื่อ ร่างพ.ร.ป.เลือกตั้งส.ส.ผ่านแน่ คาดถกหนักปมยุบพรรค ยันให้คนนอกชี้แนะได้ ไม่ถือครอบงำพรรค ปิดช่องกลั่นแกล้งหาเหตุยุบพรรค
วันที่ 21 ก.พ.2565 ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 24-25 ก.พ.ว่า สิ่งที่สมาชิกรัฐสภาต้องร่วมกันพิจารณาคือจะรับหลักการร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.หรือไม่ ซึ่งร่างนี้ไม่น่ามีปัญหา
ส่วนร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ร่างนี้จำเป็นต้องแก้เพราะรัฐธรรมนูญที่แก้ไขเพิ่มเติมเปลี่ยนจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อจากเดิม 150 คน เป็น 100 คน ดังนั้น อะไรที่เขียนไว้ว่า 150 ก็ต้องแก้ ส่วนประเด็นอื่นๆ ก็แล้วแต่สมาชิกจะแก้ประเด็นอะไร จึงมีหลักการที่หลากหลายมาก บางร่างมีหลักการถึง 31 จุด บางร่าง 17-18 จุด ซึ่งรัฐสภาอาจพิจารณารวมกัน แล้วลงมติทีละร่าง ซึ่งบางร่างอาจไม่รับหลักการหรือรับหลักการรวมกัน ซึ่งมีประเด็นเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2 ค่อนข้างมาก
เมื่อถามว่าทำใจไว้หรือไม่ว่าร่างของพรรคเพื่อไทยอาจไม่ผ่านขั้นรับหลักการ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับเสียงข้างมาก เราพยายามชี้แจงหลักการและเหตุผลของกฎหมาย ที่พรรคเสนอให้มากที่สุดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อสถาบันพรรคการเมือง และชี้ให้เห็นว่ากฎหมายลูกฉบับใหม่นี้ บุคคลนอกพรรคการเมืองสามารถชี้แนะให้คำปรึกษาได้
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พ.ร.ป.พรรคการเมืองฉบับเดิมมีปัญหากับพรรคการเมืองหลายประเด็น เช่น มาตราเกี่ยวบการยุบพรรค เช่น มาตรา 28 มาตรา 29 ที่มีการครอบงำและชี้นำทำให้หลายพรรคถูกยุบ เนื่องจากไม่สอดคล้องรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่บัญญัติให้พรรคต้องมีอิสระ ทำให้การตีความตามกฎหมายกว้าง พรรคการเมืองถูกยุบไปมาก
จึงไม่ต้องการให้พรรคการเมืองถูกกลั่นแกล้งและเกิดการตีความที่ไม่เป็นธรรม ต้องดูพฤติการณ์ด้วยว่าสิ่งที่พรรคการเมืองทำ ขาดความเป็นอิสระหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในที่สุดก็ต้องแล้วแต่เสียงข้างมากว่าจะรับหลักการหรือไม่
“เราจึงต้องแก้ปัญหา ไม่อยากให้พรรคถูกกลั่นแกล้ง ถ้าควบคุมครอบงำชัดแจ้งเราไม่ว่า เพราะหลายพรรคถูกยุบพรรคด้วยเรื่องนี้ ขนาดไม่เขียนตรงๆ เช่น เรื่องเงินบริจาค หากเกิน 10 ล้านก็ตีความว่าพรรคถูกครอบงำแล้วยุบพรรค ซึ่งไม่เป็นธรรม ดังนั้น ต้องดูพฤติกรรมและกิจกรรมที่เขาทำด้วยว่าขาดความเป็นอิสระหรือไม่” ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าว
