วิปรัฐบาล ยันไม่กลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว วอนทุกฝ่ายร่วมมือแก้กม.ลูก

วิปรัฐบาล ยันไม่กลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว ขอทุกฝ่ายร่วมแก้กฎหมายลูก ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไข ชงแยกลงมติร่างพ.ร.ป.พรรคการเมือง

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 ก.พ.2565 ที่รัฐสภา นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกระแสข่าวมีการเคลื่อนไหวให้แปรญัตตินำไปสู่ระบบการเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียวว่า ขอย้ำว่าในฐานะที่พรรคเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 81 และมาตรา 93 ซึ่งมีบทบัญญัติชัดเจนว่า การจัดการเลือกตั้งครั้งต่อไป จะต้องเป็นระบบบัตร 2 ใบ จึงไม่สามารถกลับไปใช้บัตรใบเดียวได้

ยืนยันว่าร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ที่พรรคร่วมรัฐบาลเสนอนั้น สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติม แต่เมื่อมีหลายพรรคเสนอเข้ามาแล้วมีประเด็นปลีกย่อยแตกต่างกันไปบ้าง เราน่าจะนำจุดเด่นของแต่ละพรรคไปพิจารณาในชั้นคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวต่อไป

นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า ส่วนร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มีประเด็นแตกต่างกันหลายประเด็น วิปรัฐบาลจึงเห็นว่าควรนำมาอภิปรายร่วมกัน แต่ให้แยกลงมติแต่ละร่าง เพื่อให้แต่ละฝ่ายได้แสดงความคิดเห็นอย่างชัดเจน และจะมาพิจารณาว่าจะลงมติแต่ละร่างอย่างไร

ทั้งนี้ ร่างของคณะรัฐมนตรี (ครม.) และพรรคร่วมรัฐบาล เป็นการแก้ไขเพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมเช่นกัน รวมถึงแก้ไขเพื่อลดข้อจำกัดในการเป็นสมาชิกพรรค ส่วนร่างของพรรคเพื่อไทยมีประเด็นที่เป็นข้อถกเถียง คือการเสนอแก้ไขมาตรา 28 และมาตรา 29 เพื่อให้บุคคลภายนอกเข้ามาแสดงความคิดเห็นหรือเป็นที่ปรึกษาให้กับพรรคได้ ซึ่งตรงข้ามกับกฎหมายฉบับเดิม ที่ห้ามบุคคลที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเข้ามาครอบงำ ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม

นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า ส่วนร่างของพรรคก้าวไกล ที่พูดถึงเรื่องอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญในการยุบพรรค และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเงินที่บริจาคให้พรรค แม้เป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลเห็นว่าสำคัญ เนื่องจากเคยถูกยุบพรรคมาก่อน แต่ตนอยากทำความเข้าใจว่ารัฐธรรมนูญที่ได้แก้ไขนั้น เกี่ยวข้องกับระบบการเลือกตั้งให้มีบัตรลงคะแนน 2 ใบเท่านั้น จึงไม่ใช่การทำเพื่อประโยชน์ของนักการเมือง แต่ทำให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น และช่วยลดการซื้อสิทธิ์ขายเสียงได้ รวมถึงส่งเสริมให้พรรคมีความเข้มแข็งมากขึ้น

จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายต้องมีเป้าหมายร่วมกัน แก้ไขกฎหมายลูกให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมได้อย่างแท้จริง รวมถึงลดการกระทำในสิ่งที่ทำเพื่อประโยชน์ของตัวเอง

นายชินวรณ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีกระแสข่าวอาจมีผู้ลงมติคว่ำร่างกฎหมายลูกบางฉบับนั้น เป็นความคิดเห็นของแต่ละคน แต่เราเห็นว่าทุกร่างมีความสำคัญทั้งนั้น ที่ประชุมต้องฟังเหตุและผลให้ชัดเจนก่อน แล้วไปพิจารณาแก้ไขในชั้นกมธ.วิสามัญต่อไป ซึ่งทุกอย่างต้องดำเนินการภายใต้กรอบเวลา 180 วัน