สภาฯวุ่นแต่เช้า ก้าวไกล-พปชร. ซัดกันนัว ‘ธีรัจชัย’ ข้องใจ ทำไมอภิปรายเปรียบร่างฯพรป.พรรคการเมืองแล้วไม่มีมารยาท “อรรถกร” สวน แค่พูดมารยาทไม่ดี

เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 25 ก.พ.65 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม วาระพิจารณา วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง(ฉบับที่..) พ.ศ…. จำนวน 6 ฉบับ โดยเป็นการพิจารณาต่อเนื่องวันที่ 2 ซึ่งการประชุมวันแรก ผู้เสนอร่างฯ ได้นำเสนอเหตุผลและหลักการทั้ง 6 ฉบับเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งให้สมาชิกรัฐสภา อภิปรายแสดงความคิดเห็นไปบางส่วนแล้วนั้น และวันนี้ได้เปิดโอกาสให้สมาชิกรัฐสภาอภิปรายแสดงความคิดเห็นต่อ

ทั้งนี้ ก่อนเริ่มเข้าสู่วาระการประชุม นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นหารือว่า สืบเนื่องจากเมื่อคืนนี้ (24 ก.พ.) นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายเปรียบเทียบร่างทั้ง 6 ร่าง ทำให้เกิดการประท้วงและมีวิวาทะกันว่าสามารถที่จะอภิปรายเปรียบเทียบร่างอื่นที่ไม่ใช่ร่างของพรรคตัวเองเสนอได้หรือไม่

ซึ่งตนตรวจดูข้อบังคับข้อที่ 87 ของข้อบังคับการประชุมรัฐสภานั้น บัญญัติว่าการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาระที่ 1 ให้รัฐสภาพิจารณาและลงมติว่าจะรับหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้น ข้อบังคับเขียนไว้กว้างมากว่าสามารถพิจารณาได้ทุกร่าง ไม่ใช่เฉพาะร่างที่เฉพาะฝ่ายตนเองเสนอเท่านั้น หรือว่าร่างที่เป็นร่างของกฎหมายเดิมที่จะเปลี่ยนแปลง ซึ่งประธานที่ประชุมจะมีแนวทางอย่างไรในการพิจารณา เพราะยังไม่เคยมีประเพณีใดหรือการอภิปรายครั้งใดห้ามไม่ให้อภิปรายร่างใดร่างหนึ่งเปรียบเทียบกัน

ทำให้ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ พยายามลุกขึ้นประท้วง แต่นายพรเพชร ขอดำเนินการตามระเบียบวาระ จากนั้นเริ่มเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม จากนั้นนายอรรถกร อภิปรายว่า ไม่คิดว่าสมาชิกจะนำประเด็นนี้ขึ้นมาพูดในช่วงเช้าวันนี้ แต่ยืนยันว่าเมื่อคืนประธานทำหน้าที่เหมาะสมแล้ว ซึ่งตนเห็นด้วยที่ว่าสมาชิกไม่ได้ทำผิดข้อบังคับ เป็นหน้าที่ของประธานที่ต้องทำหน้าที่ควบคุมการประชุม แต่การนำร่างฯของพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลเพียง 2 ร่างทั้งที่เราพิจารณาถึง 6 ร่าง ซึ่งพวกตนมองว่ามารยาททางการเมืองดูไม่ดีสักเท่าไร และมารยาทถือเป็นสิ่งสำคัญ

ทำให้ นายธีรัจชัย ลุกขึ้นมาตอบโต้และขอให้ถอนเรื่องมารยาททางการเมือง และต้องให้เหตุผลว่าไม่มีมารยาทอย่างไร การทำหน้าที่ส.ส.เพื่อประโยชน์ประชาชนกับข้อบังคับสิ่งใดสำคัญกว่ากัน
จึงทำให้นายอรรถกรลุกขึ้นอีกครั้งพร้อมแย้งว่า ไม่ได้บอกว่าเสียมารยาท แต่ดูเป็นมารยาทที่ไม่ดี

จากนั้น นายพรเพชร วินิจฉัยว่า การไปว่าไม่มีมารยาทเป็นคำพูดที่ไม่รุนแรงมาก เป็นการเปรียบเทียบเพื่อให้การประชุมรัฐสภาราบรื่น ไม่ถึงกับเป็นการกล่าวต่อว่ารุนแรง ส่วนที่นายพิจารณ์ กล่าวถึงร่างของพรรคร่วมรัฐบาลก็มีสิทธิ์ที่จะพูดได้ แต่เมื่อไปพาดพิงอีกฝ่าย เขาก็ย่อมมีสิทธิ์โต้แย้งโต้เถียง ตนจึงขอหาทางออกว่าท่านไปโต้แย้งกันในชั้นกรรมาธิการไม่ดีกว่าหรือ ดังนั้นเพื่อให้การพิจารณาของรัฐสภาราบรื่น ถ้าไปวิจารณ์เขา เขาก็วิจารณ์ตอบ โต้เถียงกันไปมา อย่าใช้ถ้อยคำรุนแรงต่อว่ากันเลย

นายธีรัจชัย ยังลุกขึ้นโต้แย้งต่อว่า ตนยังเข้าใจคาดเคลื่อนกับประธานฯ เรื่องการมีมารยาทเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ ถ้ามีใครมาต่อว่าประธานฯว่าวินิจฉัยแบบนี้ไม่มีมารยาทบ้าง จะรู้สึกอย่างไร ทำให้นายพรเพชรต้องขอร้องว่า ยุติแค่นี้เถอะ แต่นายธีรัจชัย ยืนยันขอให้ถอนคำพูด

ด้าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นท้วงติงว่า วันนี้มีกฎหมายเข้ามา 6 ฉบับจะพูดถึงฉบับใดก็เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าพาดพิงบุคคลก็มีสิทธิ์โต้แย้ง ขอให้ประธานยึดหลักให้มั่น
ก่อนที่นายพรเพชร พยายามควบคุมการประชุมให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ เพื่อไม่ให้บรรยากาศเสีย และเข้าสู่วาระการประชุมต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน