เมื่อวันที่ 26 ต.ค. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้ทำหนังสือส่งไปทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษ หรืออีเอ็มเอส ยื่นร้องต่อนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคสช.เมื่อช่วงเช้า เพื่อขอให้ใช้อำนาจตาม ม.44 กับปลัดกระทรวงการคลังโดยเร็วด้วย หลังตรวจพบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ จากการตอบข้อหารือของกรมศุลกากรสมัยที่นายสมชัย สัจจพงษ์ เป็นอธิบดีฯ ซึ่งเป็นผลให้มีการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชนไม่ต้องเสียภาษีหรือได้รับคืนภาษีไปเป็นมูลค่าประมาณ 2,111 ล้านบาท กรณีดังกล่าวสตง.มีหนังสือที่ตผ 0042/3845 แจ้งนายกฯ แล้วตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา เพื่อขอให้ดำเนินการสอบสวนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทั้งทางอาญา แพ่งและวินัย แต่จากการตรวจสอบติดตามจนถึงปัจจุบัน ยังไม่พบว่านายกฯ ได้สั่งการหรือดำเนินการอย่างใดแล้วหรือไม่ ทั้งนี้สตง.ระบุไว้ชัดเจนว่ามีเหตุมาจากการตอบข้อหารือของกรมศุลกากร โดยตีความการขนส่งน้ำมันไปยังแท่นขุดเจาะน้ำมันที่อยู่ในเขตไหล่ทวีป ซึ่งถือเป็นพื้นที่ในอำนาจอธิปไตยของไทยจาก “การค้าชายฝั่ง” เป็น “การส่งออก” อันขัดต่อคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2899/2557 ลงวันที่ 19 มี.ค.57

นายเรืองไกร กล่าวว่า กรณีดังกล่าวปลัดกระทรวงการคลังคนปัจจุบันกับอดีตอธิบดีกรมศุลกากรเกี่ยวข้อง เพราะเป็นคนๆ เดียวกัน คือนายสมชัย สัจจพงษ์ ดังนั้นการที่สตง.มีหนังสือขอให้กระทรวงการคลังดำเนินการเรียกคืนเงินแผ่นดินที่รัฐเสียหายไป 2,111 ล้านบาทอาจเป็นไปได้ยาก เพราะจนถึงขณะนี้กระทรวงการคลังยังไม่ดำเนินการใดๆ ตามที่สตง.แจ้งไปแต่อย่างใด ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากแนวทางที่นายกฯ และหัวหน้าคสช.เคยปฏิบัติต่อเจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกตรวจสอบ โดยใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญม.44 แล้วเช่นล่าสุด คือคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 64/2559 ลงวันที่ 18 ต.ค.59 ให้ปลดผู้ว่าฯกทม.พ้นจากตำแหน่ง เป็นต้น จึงมีความจำเป็นต้องร้องขอให้นายกฯ ในฐานะหัวหน้า คสช.ใช้อำนาจตาม ม. 44 ดำเนินการกับปลัดกระทรวงการคลังเช่นเดียวกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน