พล.อ.ประยุทธ์ยอมรับกองหนุนเกือบหมดจริง ตามคำป๋าเปรมอ้อนขอปชช.เป็นแนวร่วมเพิ่ม ไล่พรรคการเมืองตรวจสอบสถานะสมาชิกพรรคของตัวเองก่อน ลั่นบ้านเมืองสงบได้เพราะพวกป่วนกลัวกฎหมาย

เมื่อวันที่ 3 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ระบุว่านายกฯใช้กองหนุนเกือบหมดแล้วต้องหากองหนุนเพิ่มว่า โดยส่วนตัวตนเข้าใจและครม.หลายคนที่ไปอวยพรปีใหม่พล.อ.เปรมในวันนั้นก็เข้าใจ คำว่ากองหนุนหมายความว่า เราได้เอาคนทุกคนมาช่วยขับเคลื่อนประเทศไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชารัฐ ทั้งข้าราชการ เอกชน ประชาชน ภาคประชาสังคม ภาคธุรกิจ

นายกฯ กล่าวว่า ซึ่งพล.อ.เปรมก็บอกว่าใช้ไปหมดแล้ว แต่ทำอย่างไรมันจะมากขึ้น ตนตีความหมายแบบนี้ และคิดว่าพล.อ.เปรมคงไม่ได้มีเจตนาอะไรกับตนที่จะมองในเรื่องไม่ดี ท่านได้ให้กำลังใจรัฐบาลมาโดยตลอด คงไม่พูดอะไรที่ทำให้ตนเสียหาย ขึ้นอยู่กับว่าเราจะตีความอย่างไร ฉะนั้น ลองคิดดูสิ่งที่ตนพูดมันใช่หรือไม่ แต่ก่อนทุกคนมาร่วมมือกันแบบนี้หรือไม่ คือยังไม่ใช้กองหนุน แต่ตอนนี้ตนเอากองหนุนมาหมดทุกอัน เอามาช่วยกิจการที่เป็นของรัฐ ความร่วมมือเกิดมากขึ้นในกลุ่มประชารัฐ คณะทำงานประชารัฐทุกคนมาช่วยและมาทำตรงนี้ เพื่อแก้ปัญหาการเอื้อประโยชน์ต่อกัน

“ผมคิดว่าต้องคิดอย่างสร้างสรรค์กันหน่อย ถ้าหาประเด็นตีกันอยู่แบบนี้มันก็ไม่ได้ คำว่ากองหนุนของผม คือใจผมยังเต็มที่เต็มเปี่ยม กองหนุนมันต้องอยู่ที่ใจตัวเองก่อน ตราบใดที่ผมยังมีความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อประชาชนของผม ของพวกเราทุกคน ผมก็คิดว่าทำได้ทำสำเร็จ แต่ถ้าเราบอกว่าท้อแท้หมดกำลังใจหรือโมโหมากเกินไป มันก็ไม่ใช่เรื่อง มันบ่อนทำลายตัวผมเปล่าๆ สุขภาพของผมก็ไม่แข็งแรงอย่างที่สื่อเองก็เป็นห่วงผม กลัวผมป่วยเจ็บตาย ยิ้มให้กันดีกว่า” นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กองหนุนส่วนไหนที่ต้องการมากที่สุดในช่วงเวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากได้ทุกพวก คือประชาชนซึ่งต้องเข้าใจ ถ้าประชาชนไม่เข้าใจก็ลำบาก การจะทำอะไรก็ตามที่เป็นการเปลี่ยนแปลงประเทศจากสิ่งที่ทำมาทั้งชีวิตและเผชิญความยากจนมาตลอดชีวิต จะแก้ภายในระยะเวลาอันสั้นคงแก้ไม่ได้ อยู่ที่การสร้างการรับรู้ การเรียนรู้ ซึ่งในวันนี้เราปล่อยปละละเลยมายาวนาน จนกระทั่งไม่เข้าใจ กลายเป็นว่าทุกอย่างต้องเป็นภาระของรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว และมีการตอบสนองในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งบางทีไม่ใช่ นั่นคือปัญหาที่ทำให้บ้านเมืองเดินหน้าไม่ได้ สรุปความขัดแย้งก็เกิดขึ้นอีก

“วันนี้ทุกคนอาจจะบอกว่า ไม่น่ามีเหตุผลในเรื่องความขัดแย้ง ไม่เห็นมีอะไร แล้วทุกวันนี้มันสงบกันยังไงก็เป็นเรื่องของท่าน ประชาชนก็ไปตัดสินกันเอาเอง ควรเป็นอย่างไรต่อไป โดยเฉพาะที่บอกว่าทุกอย่างเป็นของประชาชน ซึ่งประชาชนที่ว่านั้นตรงไหน ถ้าประชาชนของพรรคท่านก็ต้องไปตรวจสอบสมาชิกพรรคมีเหลือเท่าไหร่ให้ถูกต้องแค่นั้นเอง จะไปยากตรงไหน ภาระของพรรคไม่ใช่ภาระของประเทศ ดังนั้น ทุกพรรคก็ต้องไปทำให้ถูกต้อง ผมคิดว่าสังคมก็รอดูอยู่เหมือนกัน” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า ความสงบในช่วงปีใหม่ที่ไม่เกิดเหตุอะไร ถือเป็นสัญญาณที่ดีของบ้านเมืองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สื่อทุกสื่อเขียนว่าปีใหม่การต่อสู้ทางการเมืองจะแรงขึ้น หากสื่อเขียนอยู่แบบนี้ก็จะเป็นอยู่แบบนี้ ตราบใดที่ให้ความสำคัญกับเรื่องที่ไม่ค่อยเป็นเรื่อง สื่อต้องฟังรัฐบาลบ้าง ชี้แจงแทนตนบ้าง ไม่ใช่เอาความขัดแย้งหรือเอาคนที่ไม่มีบทบาทออกมาพูดแล้วขยายความกันทุกวัน ขอให้แยกแยะกันให้ออกหน่อย ใครที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมถ้าเขาดีบริสุทธิ์ ตนก็ไม่ได้ว่าอะไรพูดมาตนก็ไม่ตอบโต้ แต่ถ้าไม่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วเราไปส่งเสริมขยายให้เขาเรื่อยๆมันจะสงบไหม

เมื่อถามว่า ข้อมูลรัฐบาลเรื่องความสงบเป็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สงบในระดับหนึ่ง คือยังไม่ออกมาข้างนอก ก็กลัวกฎหมายอยู่เหมือนกัน กฎหมายของตนไง ลองคิดดูถ้าไม่มีกฎหมายที่มีอยู่แล้วในวันนี้มันจะเกิดอะไรขึ้น ที่ผ่านมากฎหมายปกติทั้งนั้น เอาอยู่กันหรือไม่ ไม่อยู่หรอก และในวันนี้ในโซเชียลมีเดียมีมากมาย ฉะนั้น ต้องแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ก่อนที่จะไปสู่การเลือกตั้ง เข้าใจหรือไม่ถ้าไม่แก้เรื่องเหล่านี้ ต่อไปก็ลำบาก

“ผมยังไม่รู้ใครจะมารับผิดชอบต่อ เขาจะแก้ได้หรือเปล่าผมก็ไม่ทราบ เขาจะทำให้สงบแบบนี้ได้หรือเปล่า ผมก็ไม่รู้ ใครจะเป็นรัฐบาลก็ยังไม่ทราบใช่ไหม เมื่อได้รัฐบาลเลือกตั้งมาแล้วจะบริหารได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ทุกอย่างมีบทเรียนทั้งสิ้น ดังนั้น ทุกคนที่เกี่ยวข้องทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคตต้องทำความเข้าใจประชาชนให้ชัดเจนว่าจะทำให้บ้านเมืองสงบสุขได้อย่างไร อย่ามาอ้างเรื่องสิทธิเสรีภาพ ความขัดแย้ง ความบริสุทธิ์ ซึ่งท่านเองก็รู้ อันไหนบริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์ ผมก็ดูออก” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า แสดงว่าไม่มั่นใจในสถานการณ์ข้างหน้า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับตน มั่นใจหรือไม่ไม่ใช่เรื่องของตน เป็นเรื่องกติกาจะเลือกตั้งได้เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ตนจะมั่นใจหรือไม่มั่นใจตนก็ทำอะไรไม่ได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้เราต้องพัฒนาการศึกษาทั้งระบบ เพราะถือเป็นกองหนุนหากผลิตและสร้างคนที่มีคุณภาพจะถือเป็นกองหนุนอีกชั้น ซึ่งกองหนุนไม่ได้มีกองเดียว มันมีขั้นที่ 1 ขั้นที่ 2 และขั้นที่ 3 วันนี้ผ่านกองหนุนขั้นที่ 1 มาแล้ว ขั้นที่ 2 คนยังลำบากอยู่ในทุกวันนี้เราต้องแก้ให้เขาจึงจะมีเพิ่ม ตนเข้าใจว่าสิ่งที่พล.อ.เปรมพูดหมายความว่าอย่างนี้ ตอนนี้เราเอามาทุกกลุ่ม แต่ยังมาได้ไม่มาก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน