หน.พรรครวมพลังคนรุ่นใหม่ ร้อง กมธ.ป.ป.ช. สอบ จนท.คดีแตงโม ชี้พบความผิดปกติ ไม่อายัดเรือ-ตรวจสารเสพติด บาดแผลตามร่างกายไม่น่าจะเกิดจากอุบัติเหตุ
เมื่อวันที่ 17 มี.ค.65 ที่รัฐสภา นายสิรวิทย์ ช่วงเสน หัวหน้าพรรครวมพลังคนรุ่นใหม่ ยื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในคดีของ น.ส.นิดา พัชวีระพงษ์ หรือแตงโม ดาราสาว พลัดตกเรือจมแม่น้ำเจ้าพระยาเสียชีวิต
เนื่องจากมีความผิดปกติในกระบวนการชั้นพนักงานสอบสวนและการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจนนทบุรี ที่ไม่อายัดเรือทันทีในวันที่เกิดเหตุและไม่อายัดบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ 5 คน เพื่อตรวจสอบหาสารเสพติดรวมถึงผลการตรวจหาสารเสพติด 5 คนพิสูจน์ทราบได้แค่ 3 คนเท่านั้น อีก 2 คนไม่มีระบุผล
นายสิรวิทย์ กล่าวว่า การทำงานของตำรวจอาจเป็นไปได้ยากลำบาก และอาจเกิดความไม่เป็นกลาง เนื่องจาก 1 ใน 5 คนมีพ่อและพ่อตาเป็นนายตำรวจระดับสูง อีกทั้งลักษณะศพของผู้ตายมีบาดแผลหลายจุด ทั้งบาดแผลที่ต้นขาขวา รอยฟกช้ำตรงใบหน้าและบริเวณหน้าอก ซึ่งอนุมานได้ว่า ไม่น่าจะเกิดจากอุบัติเหตุตกน้ำจนทำให้เสียชีวิต
แต่อาจโดนทำร้ายร่างกายก่อนหน้านั้น และพลัดตกน้ำจนเสียชีวิต ขวดไวน์และแก้วไวน์ในเรือโยนทิ้งน้ำทำลายหลักฐาน การให้การของบุคคลทั้ง 5 ไม่เหมือนกัน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงยืนยันว่าเป็นคดีอุบัติเหตุ ทำให้ประชาชนตั้งข้อสังเกต ถึงความไม่โปร่งใสในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประกอบกับหลักฐานต่างๆ ที่นำมาประกอบหลายอย่างไม่ได้อยู่ในสำนวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ซึ่งปัจจุบันคดีผ่านมาแล้ว 23 วัน แต่กระแสของประชาชนพูดถึงความไม่โปรงใสในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยิ่งรุนแรงและขยายวงกว้างมากขึ้น จึงอยากให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ในฐานะอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ามาตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐในคดีดังกล่าว เพื่อให้เกิดความโปร่งใส สร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมต่อไป
ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า การทำงานของตำรวจควรเป็นไปตามกระบวนการ เมื่อคดีเกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีความรับผิดชอบที่จะต้องสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และมีความเห็นทางคดีส่งไปยังพนักงานอัยการ เพื่อดำเนินการฟ้องต่อศาลต่อไป ซึ่งตนจะนำหลักฐานดังกล่าวไปพิจารณาในชั้นกมธ. และขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมให้ข้อมูลต่อคณะกมธ.เพื่อเป็นประโยชน์ในการพิจารณาต่อไป
