สถานการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์แตกต่างไปจากสถานการณ์ของพรรคภูมิใจไทย

ขณะที่ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ยื่นใบลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ นายเอกราช ช่างเหลา ก็พาลูกๆ เดินออกจากพรรคพลังประชารัฐเข้าพรรคภูมิใจไทย

จำนวน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จำนวน ส.ส.พรรคภูมิใจไทยเพิ่ม

การเพิ่มทะยานจาก 52 เมื่อเดือนมีนาคม 2562 ทำท่าว่าอาจจะเพิ่มเป็น 60 ตอนต้นๆ ในเดือนมีนาคม 2565 ทำให้พรรคภูมิใจไทยมากด้วยความมั่นใจ

มั่นใจในการยืนหยัด 260 เสียงของรัฐบาล

สังคมเริ่มมองสถานะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ต่างจาก นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

แม้จะมีการเสนอคำถามต่อความเห็นในการยุบสภาอย่างเดียวกัน แต่สายตาที่ทอดมองไปยัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล ไม่เหมือนกับมอง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

นั่นก็คือ มองไกลไปถึงการเลือกตั้งที่จะมาถึง

มีความเชื่อมั่นสูงอย่างยิ่งว่าจำนวน ส.ส.พรรคภูมิใจไทยอาจแตะไปถึงหลักร้อย ขณะที่มีความเชื่อมั่นสูงอย่างยิ่งว่าจำนวนส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อาจต่ำกว่า 50

บทบาทของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล จึงเหนือกว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

ต้องยอมรับว่าสภาวะ “เลือดไหลออก” จากพรรคประชาธิปัตย์ดำเนินไปอย่างไม่ธรรมดา

การแยกออกของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม การแยกออกของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค การแยกออกของ นายกรณ์ จาติกวณิช ล้วนมีเหตุผล

เนื่องจากทั้ง 3 เคยชิงตำแหน่ง “หัวหน้าพรรค”

กระนั้น การยื่นใบลาออกของ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ การยื่นใบลาออกของ นายสุรเชษฐ์ มาศดิตถ์ กลายเป็นคำถามเนื่องจากเป็นคนเก่าแก่ของพรรค

ทุกคนล้วนอำลาจากพร้อมกับความอาวรณ์ เสียดาย

สถานการณ์พรรคประชาธิปัตย์จึงเหมือนอย่างยิ่งกับสถานการณ์พรรคพลังประชารัฐ

นั่นก็คือ สถานการณ์แห่งความขัดแย้ง แตกแยกและแยกตัว เพียงแต่ว่าจะดำเนินไปอย่างรุนแรง แหลมคมเพียงใดและเมื่อใดจะถึงยุคสิ้นสุด

ทั้งๆ ที่พรรคประชาธิปัตย์ก่อตั้งมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2489

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน