เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ที่สำนักงานป.ป.ช. พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการเสนอแนวคิดการปรับแก้ประกาศป.ป.ช.เพื่อเพิ่มมูลค่าการรับ-ให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดของเจ้าหน้าที่รัฐ จากเดิม 3,000 บาทที่กำหนดไว้ในปี 2542 ให้ขยับตามค่าครองชีพในปัจจุบัน ว่า ป.ป.ช. ยังไม่ตัดสินใจในเรื่องนี้ เพราะต้องพิจารณาในหลายๆมิติ รวมไปถึงขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆด้วย เช่น ในต่างประเทศก็มีการให้ของขวัญในวันคริสต์มาส ดังนั้นคงจะไม่ถึงขั้นกำหนดห้ามรับเอาไว้ ทั้งนี้หากจะดำเนินการแก้ไขประกาศป.ป.ช.จริงจะต้องมีการตั้งอนุกรรมการขึ้นมาพิจารณาเพราะต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ

ประธานป.ป.ช. ยังกล่าวถึงการครอบครองนาฬิกาของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ไม่ปรากฏในรายการแสดงทรัพย์สินและหนี้สิน ที่ในวันนี้มีจำนวนเกือบ 20 เรือน ว่า เลขาธิการ ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. จะเข้าไปตรวจสอบ ตามกระบวนการ และขั้นตอนต่างๆ ซึ่งหากมีจำนวนเรือนที่มากขึ้น หมายความว่าป.ป.ช.จะต้องรวบรวมข้อมูลมากขึ้นและอาจจะต้องใช้เวลาที่มากขึ้นด้วย เพราะอาจจะต้องสอบพยานเพิ่มเติม ซึ่งเรื่องนี้ป.ป.ช.จะต้องรวบรวมข้อมูลให้รอบด้านครบถ้วน ซึ่งที่ประชุม ป.ป.ช. ได้ระบุว่าเรื่องนี้สังคมให้ความสนใจจึงต้องทำให้ชัดเจนและโปร่งใส ยืนยัน ไม่หนักใจ เพราะการตัดสินใจคือมติของป.ป.ช. ที่จะต้องรับผิดชอบร่วมกันทั้งหมด คนใดคนหนึ่งไม่สามารถทำได้มติของกรรมการป.ป.ช.เป็นไปโดยทางใดทางหนึ่งได้ รวมถึงเลขาธิการป.ป.ช.ด้วย ยืนยัน พลเอกประวิตร ไม่เคยมาปรับทุกข์ หรือ ปรึกษาข้อกฎหมายกับตัวเองในเรื่องนี้

พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวถึงกรณีที่ป.ป.ช. จะมีมติชี้มูลความผิดกรณีเงินทอนวัดเพิ่มเติม แต่ผู้ถูกกล่าวหาได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว ว่า หากหลบหนีก็ต้องหนีตลอดชีวิต ซึ่ง ป.ป.ช. จะขอความร่วมมือทางอาญาในการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน