ตู่ โอดครวญ โดนรุมสับกู้เงินญี่ปุ่น ชี้ถ้ากู้จะได้ดอกเบี้ยต่ำ แต่ต้องมาใช้เรื่องโควิด โวถ้าการคลังไทยไม่เข้มแข็งเขาคงไม่ให้กู้ ยันบริหารอย่างระมัดระวังที่สุดแล้ว
3 พ.ค. 2565 – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณี นายคิชิดะ ฟูมิโอะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลไทย เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนได้มีโอกาสให้การต้อนรับการเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายกฯญี่ปุ่นและคณะกว่า 100 คน ถือเป็นการมาเยือนอย่างเป็นทางการในรอบ 9 ปีของนายกฯญี่ปุ่น เพื่อสานต่อความสัมพันธ์ 135 ปีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพิ่มพูนความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ นำไปสู่การต่อยอดขยายโอกาสด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การวิจัย การท่องเที่ยว สาธารณสุข ซึ่งจะทำให้เกิดอาชีพใหม่ ๆ อีกมากมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ญี่ปุ่นเสนอเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้ไทย 5 หมื่นล้านเยน จะกู้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนนึกแล้วเมื่อวันที่ 2 พ.ค. ที่มีรูปตนและมีข่าวญี่ปุ่นให้กู้เงินเท่านั้นแหละ ก็มารุมเล่นงานว่านายกจะกู้อีกแล้ว ความจริงแล้วเงินกู้ก้อนนี้ อยู่ในยอด พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ที่มีการอนุมัติไปแล้ว
เรื่องการกู้เงินตนเคยบอกไว้แล้วว่า ไม่ว่าจะล้านล้านบาท หรือ 5 แสนล้านบาท ก็จะค่อยทยอยกู้ตามความจำเป็น โดยใช้แหล่งเงินกู้ในประเทศเป็นหลัก แต่ทางญี่ปุ่นเขามาช่วยตรงนี้ ถ้าเราจะกู้เขา ก็จะได้ดอกเบี้ยต่ำ แต่เขามีข้อแม้ว่าต้องนำมาดูแลในเรื่องโควิด-19 การพัฒนาตรวจคัดกรองตามจังหวัดชายแดนของเราจากประเทศรอบบ้าน ซึ่งเรารู้ว่ามีหลายปัญหาที่เกิดขึ้นในเรื่องการตรวจคัดกรองก็มาใช้งบประมาณตรงนั้น ก็อยู่ในขั้นตอนนั้นแหละ อย่าบอกว่ารัฐบาลกู้เงินอีกแล้วเลย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ทุกคนต้องเข้าใจว่าเราได้บริหารอย่างระมัดระวังที่สุดแล้ว ในเรื่องการบริหารการเงินการคลังเราเข้มแข็งอยู่ ถ้าไม่เข้มแข็งพอใครเขาก็คงไม่ให้กู้ใช่ไหม แต่ก็เท่าที่จำเป็น ตอนนี้ทุกคนกำลังดูว่าจำเป็นหรือเปล่า ใช่ไหม กู้มาแล้วทำอะไร ใครได้ประโยชน์
วันนี้ดูแลคนหลายสิบล้านคนได้รับความชื่นชมจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ในการแก้ปัญหาโควิด-19 เป็นตัวอย่างในภูมิภาคของเราและภูมิภาคอื่น ๆ ด้วยในสิ่งที่เราทำมาทั้งหมด ฉะนั้นพวกเราต้องเข้าใจ นายกฯไม่เคยทอดทิ้งใคร เพียงแต่ว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไร หลายเรื่องก็มีการถกแถลงกันในครม. ก็รับข้อสังเกตมา นำไปปรับแก้
