‘ศิธา-สุดารัตน์’ เดินหน้าสู้ศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ลุยลงพื้นที่ต่อเนื่อง ล่าสุดเดินตลาดย่านห้วยขวาง ประกาศชูนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ดึงรายได้เข้าประเทศมหาศาล หวังฟื้นเศรษฐกิจให้ชาวกรุง ชูไอเดียเพิ่มพื้นที่ค้าขาย เพิ่มเวลาค้าขาย พร้อมเติมทุนช่วยคนตัวเล็กให้ปลดหนี้

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2565 มีรายงานว่า วานนี้ที่เขตห้วยขวาง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย, น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เบอร์ 11, นายอิทธิพล เลาหสุวัฒนกุล ผู้สมัคร ส.ก. เขตห้วยขวาง เบอร์ 4 พรรคไทยสร้างไทยและทีมไทยสร้างไทย เดินสายพบปะพี่น้องผู้ค้าและพนักงานออฟฟิศในช่วงเที่ยง ที่ตลาดเมืองไทยภัทร เขตห้วยขวาง

ทีมไทยสร้างไทยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี พ่อค้าแม่ค้าและประชาชนทั่วไปเข้าทักทาย ขอจับมือและถ่ายภาพคู่กับคุณหญิงสุดารัตน์ด้วยความเป็นกันเอง และให้กำลังใจพรรคไทยสร้างไทย โดยขอให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ขณะที่ผู้ค้าบางราย ระบุว่า ชื่นชอบนโยบายของพรรคไทยสร้างไทย

น.ต.ศิธา ประกาศย้ำว่า ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องเป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับชาวกทม. ซึ่งหากตนได้รับโอกาสและความไว้วางใจเรื่องแรกที่จะต้องเร่งแก้ไขคือการฟื้นเศรษฐกิจให้ชาวกรุง โดยเฉพาะคนตัวเล็กที่ต้องเผชิญปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาทางการเมือง รวมถึงวิกฤตจากโควิด-19 ดังนั้นการดูแลคนตัวเล็กจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ทั้งพ่อค้าแม่ขาย วินมอเตอร์ไซค์ ไรเดอร์ แท็กซี่ กลุ่มอาชีพรับจ้างรายวัน แม่บ้าน ทุกคนต้องสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ จะใช้กรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่นำร่องขับเคลื่อนนโยบายกองทุนเครดิตประชาชนเพื่อคนตัวเล็ก หรือกองทุนคนตัวเล็ก มอบ “บัตรเครดิตประชาชน” ให้คนตัวเล็กนำไปใช้ในการตั้งตัว เลิกพึ่งพิงหนี้นอกระบบที่ดอกเบี้ยแพงมหาโหด และกองทุนดังกล่าวจะเป็น “เครดิต” ที่มอบให้ติดตัวสามารถกู้ได้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำไม่เกินร้อยละ1 ต่อเดือน กู้ได้ตั้งแต่ 5,000 ถึง 50,000 บาท โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

น.ต.ศิธา กล่าว่า นอกจากนั้น ยังมีแนวคิดเพิ่มพื้นที่ค้าขายให้พ่อค้าแม่ค้าได้ค้าขายกันอย่างเต็มที่ตลอด 7 วัน รวมทั้งจัดโซนส่งเสริมการค้าขายตลอด 24 ชั่วโมงในพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก เช่นห้วยขวางเป็นต้น โดยดำเนินการให้สอดคล้องกับความต้องการของแต่ละพื้นที่ เพื่อไม่ให้กระทบกับการใช้ชีวิตของพี่น้องประชาชนในพื้นที่นั้นๆ ขณะเดียวกันก็จะผลักดัน นโยบาย creative economy ซึ่งถือเป็น soft power ที่สำคัญในโลกยุคปัจจุบัน แต่ที่ผ่านมายังขาดการสนับสนุน จึงทำให้ประเทศไทยและประชาชนเสียโอกาส ไม่สามารถแข่งขันหรือต่อสู้กับประเทศอื่นได้ ดังนั้นเราต้องทำให้กรุงเทพฯ และประเทศไทยเอื้อต่อการลงทุน เพื่อการวางรากฐานในระบบเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว และสร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติรวมถึงนำรายได้เข้าสู่ประเทศได้มหาศาล โดยไม่ต้องลงทุนในการประชาสัมพันธ์ อย่างเช่นกรณีศิลปินอย่าง ‘มิลลิ’ เป็นต้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน