“อ.ปริญญา” อัด รธน.ปี 60 เลวร้ายที่สุด ชี้ ต้องยกเลิก ม.272 ตัดอำนาจ ส.ว.เลือกนายกฯ อย่างเร่งด่วนก่อนเลือกตั้ง ด้าน “จตุพร” เชื่อ ม.272 แก้ยาก ไม่มีใครอยากลดอำนาจตัวเอง ปลุกปชช.กล้าลงดาบนักการเมืองเข้าคอกเผด็จการ

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 16 พ.ค.2565 ที่ลานกิจกรรมใต้อาคารศิลาบาตร ม.รามคำแหงครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย ได้จัดกิจกรรม “รำลึก 30 ปี พฤษภาทมิฬ 2535” โดยมีทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันทยอยขึ้นเวทีกล่าวรำลึกเหตุการณ์ ก่อนจะมีการเสวนาเรื่อง “รัฐธรรมนูญต้องมาจากประชาชน” โดยมีตำรวจจาก สน.หัวหมาก มาร่วมสังเกตการณ์

นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวตอนหนึ่งในการเสวนาว่า จากอดีตจนถึงปัจจุบัน เรามีรัฐธรรมนูญมาแล้วหลายฉบับ แต่รัฐธรรมนูญปี 60 ถือว่ามีความเลวร้ายที่สุด เพราะให้อำนาจส.ว.ในการเลือกนายกฯ ได้อีกทั้งยังมีการเขียนเอาไว้ให้มีการแก้ไขได้ยากที่สุด ทั้งนี้หากย้อนไปในการทำประชามติรัฐธรรมนูญปี 60 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวว่าจะไม่มีการสืบทอดอำนาจ ขอให้มีการรับร่างรัฐธรรมนูญไปก่อน แต่ตอนนี้เหลือเพียงอีก 3 เดือนก็จะอยู่ในตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปี

อ.ปริญญา

นายปริญญา กล่าวต่อว่า จะเห็นว่าการสรุปบทเรียนของฝ่ายเผด็จการจะแตกต่างจากฝ่ายประชาธิปไตย โดยรัฐธรรมนูญปี 2534 นายมีชัย ฤชุพันธุ์ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ถูกแก้ไขไปหลายมาตรา ดังนั้น พอมาเป็นฉบับปี 2560 จึงยกร่างเอาไว้ให้แก้ไขได้ยากจนแทบจะไม่สามารถแก้ไขได้เลย เพราะการจะแก้ไขจะต้องใช้เสียงของ ส.ว. 1 ใน 3 ซึ่งถ้าเป็นส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้งจริงๆ คงไม่ใช่เรื่องยาก แต่นี่เป็นส.ว.ที่มาจากการลากตั้ง คสช.ไม่ไฟเขียวก็ไม่สามารถแก้ได้

” จากนี้สิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง คือการแก้ไขมาตรา 272 ตัดอำนาจส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรี ส่วนจะแก้ไขตรงไหนนั้น ผมคิดว่าร่างใหม่ดีกว่า เชื่อว่าโอกาสจะเปิดอีกครั้งเมื่อ ส.ว. ชุดนี้หมดอำนาจในอีกสองปีข้างหน้าก็ร่างใหม่ทั้งฉบับ และขอให้เป็นฉบับสุดท้าย

หัวหมาก

โดยฝ่ายประชาธิปไตยจะต้องสรุปบทเรียนโดยคิดแบบฝ่ายเผด็จการคือยกร่างอย่างไรเพื่อไม่ให้มีการฉีกรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นอีก ทั้งนี้ เผด็จการจะปกครองเราไม่ได้ หากเราปกครองตัวเองเป็น ซึ่งผมเชื่อว่าประชาธิปไตยกลับมาแน่ เพราะประชาชนมีความตื่นตัว แม้วันนี้ทุกอย่างจะถอยหลังไปมาก “

นายปริญญา กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ อีกเรื่องสำคัญที่จะต้องแก้ไขอำนาจคือการรวมศูนย์อำนาจ เพราะทราบหรือไม่ว่าขนาดผู้ว่าฯ กทม. ที่เรากำลังจะเลือกตั้งในวันที่ 22 พ.ค.นี้ รมว.มหาดไทยก็ยังมีอำนาจในการสั่งปลดผู้ว่าฯ และสั่งยุบสภากทม.ได้ ไม่ต้องพูดถึงองค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล หากเป็น ปฏิปักษ์ก็ถูกสั่งปลดหมด ดังนั้นจะต้องแก้ไขให้มีการกระจายอำนาจ อีกเรื่องคือการแก้ไขกฎหมายที่มีการให้ตำรวจอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายกฯ ทำให้มีการใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือในการปราบปรามประชาชน ตนเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ตัวบุคคล แต่บุคคลสามารถทำได้เพราะกฎหมายให้อำนาจ

อัด รธน.ปี 60 เลวร้ายที่สุด

ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงได้ยากถ้าเราก้าวไม่พ้นความกลัว เพราะความกลัว ทำให้เสื่อมและความเสื่อมก็ทำให้กลัว วันนี้นักการเมืองจำนวนมากไม่กล้าท้าทายเผด็จการ ไม่ว่าจะหาเสียงได้คะแนนเท่าไหร่ก็จะกลัวคณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ศาลธรรมนูญ ผู้ตรวจการแผ่นดิน

” ดังนั้นจึงจะตามไปเข้าคอกเผด็จการ หากมายืนอยู่ข้างประชาธิปไตยก็จะมีแต่หายนะ ฉะนั้นตนเชื่อว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 เป็นไปได้ยากไม่สามารถทำได้ เพราะไม่มีใครยอมที่จะปลดอำนาจตัวเอง ก็เหมือนกับความคิดที่จะให้มีการตั้ง สสร. ก็เป็นไปได้ยาก เพราะมีการล็อกเอาไว้ 3-4 ชั้น ดังนั้นวันนี้เราจะต้องปลุกประชาชนให้มีความกล้าที่จะไม่เลือกนักการเมืองประเภทที่สยบยอม “ ประธาน นปช.ระบุ

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน