วันที่ 13 ม.ค. นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย คณะทำงานติดตามการร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงคำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ระบุระหว่างมอบโอวาทเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยชูว่าไทยต้องเป็นประชาธิปไตยไทยนิยม แบบไทยๆ ว่า หลักการประชาธิปไตยต้องว่าไปตามหลักสากล คืออำนาจเป็นของประชาชน ต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชนและศรัทธาในประชาชนเท่านั้น จะไปบิดพลิ้วให้แตกต่างไปจากหลักสากลที่มีอยู่ได้อย่างไร

ที่บอกว่าเป็นประชาธิปไตยแบบไทยนิยมไม่ทราบนายกฯคิดและหมายความถึงอะไร ไทยนิยมเป็นอย่างไรเพราะเราก็ยังไม่รู้ แต่ถ้าจะไปคิดแทนประชาชน ไปวางยุทธศาสตร์ 20 ปี หรือเขียนกติกาที่ทำให้ประชาชนด้อยคุณค่า ทำให้อำนาจของประชาชนหายไปโดยกรอบของกติกาที่ผู้มีอำนาจวางเอาไว้ ไม่น่าจะใช่หลักประชาธิปไตยที่ถูกต้อง

วันนี้แม้แต่กติกาที่เขียนก็เพี้ยนไปจากหลักสากลอยู่แล้ว เช่น รัฐธรรมนูญที่กำหนดการเลือกนายกฯ ต้องไปเลือกในที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งมีตัวแทนที่ไม่ได้มาจากประชาชน ยิ่งกว่านั้นจะมีปัญหาหากพรรคการเมืองไม่ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งหรือ 376 เสียง ก็เลือกนายกฯไม่ได้ ผู้แทนมี 500 คนที่มาจากประชาชนเลือก พรรคใดพรรคหนึ่งได้ 251 เสียงเป็นเสียงข้างมาก ผู้นำพรรคนั้นถือว่าประชาชนให้ความยินยอมมาเป็นนายกฯแล้ว

แต่วันนี้กลับเอาเสียง 500 คนไปประชุมร่วมกับบุคคลที่คสช.แต่งตั้ง 250 คน รวมเป็น 750 คน แล้วมาบอกว่าคนที่จะได้เป็นนายกฯต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของ 750 คน คือ 376 เสียง ทำให้พรรคที่ได้เกินกึ่งหนึ่งคือ 251 เสียง ไม่มีโอกาสจะได้เป็นนายกฯ การเขียนกติกาอย่างนี้จะเรียกว่าเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร คำว่าประชาธิปไตยแบบไทยนิยมถ้าจะให้ตนตีความคือประชาธิปไตยที่มีส่วนผสมของเผด็จการชี้นำอยู่ด้วย

“ผมไม่เชื่อที่นายกฯพูดถึงประชาธิปไตยแบบไทยนิยม จะหมายความคือการยอมรับบุคคลที่ประชาชนให้ความนิยมและเลือกเข้ามาทำงานด้วยเสียงข้างมาก ถ้าเป็นแบบนั้นคือหลักสากล ที่คนส่วนใหญ่ตัดสินใจให้การยอมรับ มอบใครเป็นเสียงข้างมากคนนั้นควรเป็นผู้ที่เข้ามาดูแลบริหารประเทศตามเวลาที่กติกากำหนดไว้ และตีความได้ว่าไทยนิยมที่นายกฯพูดบวกกับกติกาต่างๆที่เขียนออกมา น่าจะมีอคติกับฝ่ายการเมืองแน่นอน” นายสามารถ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน