อัยการ แจงยิบ ไทม์ไลน์คดี ‘พ่อรมต.’ ก่อนหมดอายุความวันนี้ เผยในชั้น ป.ป.ช.หมดอายุความไปเเล้ว 2 ข้อหา ระบุสำนวนมาถึงอัยการ บ่ายวันที่ 2 มิ.ย.

เมื่อวันที่ 13 มิย. 2565 นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงกรณีอัยการนัดส่งตัวฟ้อง นายสุนทร วิลาวัลย์ นายกอบจ.ปราจีนบุรี ในคดีการมีส่วนร่วมบุกรุกที่ดินป่าสงวนแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี ช่วงปี 2545 ที่คดีจะหมดอายุความวันนี้(13 มิ.ย.)ว่า คดีนี้ ข้อเท็จจริงเหตุเกิดวันที่ 14 ก.พ.-12 ก.ค.2545 โดยมีผู้ร้องเรียนไปยัง ป.ป.ช. เเละมีผู้รับเรื่องไว้ 27 ม.ค.2563 เเละมีมติชี้มูลเมื่อ 31 พ.ค.65

ในส่วนนายสุนทร ถูกกล่าวหา 3 ข้อหา ประกอบด้วย 1.เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำ ซื้อรักษาทรัพยากรโดยใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริตอันเป็นการเสียหายเเก่รัฐ มาตรา151

2.สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตอบมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 เเละ 3.ข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงานผู้ที่หน้าที่ทำเอกสาร รับรองเอกสาร ซึ่งมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จตามมาตรา 162 ประกอบมาตรา 86

สรุปคือว่าเมื่อ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลเเล้วได้ส่งสำนวนมายังสำนักงานอัยการปราบปรามคดีทุจริตฯภาค 2 วันที่ 2 มิ.ย.65 เวลา 15.12 น. โดยวันที่ 3-5 เป็นวันหยุดราชการ

โดยสำนักงานอัยการปราบปรามคดีทุจริตฯภาค 2 เปิดทำการวันที่ 6 มิ.ย. ได้ส่งเรื่องมาให้อัยการสูงสุดในฐานะผู้มีอำนาจ สั่งได้พิจารณาสั่งคดีวันที่ 7 มิ.ย.65 เเละได้ส่งเรื่องกลับไปยังอัยการสำนักงานปราบปรามทุจริตฯภาค 2 เพื่อประสานกับ ป.ป.ช. นำตัวผู้ถูกกล่าวหามาฟ้อง โดยมีการฟ้องวันเเรกไป 4 คนเเละวันต่อมา 1 คนคือ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ (ศธ.)

ในส่วนของนายสุนทร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 ที่มี 3 ข้อหานั้น ในส่วนข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตอบมาตรา 157 ประกอบ 86 เเละข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำเอกสาร รับรองเอกสาร ซึ่งมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จตามมาตรา 162 ประกอบ 86 ทั้ง 2 ข้อหานี้ขาดอายุความในชั้นพิจารณาของ ป.ป.ช.เเล้ว

คงเหลือข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำ ซื้อรักษาทรัพยากรโดยใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริตอันเป็นการเสียหายเเก่รัฐ ตามมาตรา 151 ที่จะขาดอายุความวันนี้ ตรงนี้เป็นข้อเท็จจริงที่อัยการปราบปรามทุจริตฯภาค 2 พึ่งได้รับสำนวนมาวันที่ 2 มิ.ย.ก็ดำเนินการในเวลาราชการใช้เวลาเพียง 3-4 วัน

เมื่อถามถึงมาตรา 7 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันเเละปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ซึ่งมีการเเก้ไขใหม่ที่มีสาระสำคัญว่า ถ้าผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีไประหว่างถูกดำเนินคดี หรือระหว่างการพิจารณาของศาล ระหว่างหลบหนีอายุความต้องสะดุดลง นายประยุทธกล่าวว่า ความเห็นตรงนี้ต้องถามไปที่ ป.ป.ช. เพราะในส่วนของอัยการ คือเราได้ตรวจสำนวนเเล้วมีความเห็น โดยเเจ้งให้รีบนำตัวมาฟ้อง ถ้ายังไม่ได้มาให้ศาลออกหมายจับ ส่วนกระบวนการที่ถามมาเป็นเรื่องของ ป.ป.ช.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันเเละปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ซึ่งมีการเเก้ไขใหม่ มาตรา 7 บัญญัติว่า ในการดำเนินคดีอาญาตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยป.ป.ช.ฉบับนี้ ถ้าผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีไปในระหว่างถูกดำเนินคดี หรือระหว่างการพิจารณาของศาล มิให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนี รวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ และเมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำเลย ถ้าจำเลยหลบหนีไปในระหว่างต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษ มิให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 98 มาใช้บังคับ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน