ป.ป.ช. ชี้ช่องถอดถอน สุนทร ออกจาก นายก อบจ.ปราจีนบุรี อำนาจเต็มอยู่ที่ มท.1 เผย พ่อรมช.โอ๊ะ ยังมีอีกหลายคดี ลุยเจาะเชิงลึก ปมครอบครองที่ดิน อีกหลายโฉนด

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 13 มิ.ย.2565 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการถอดถอน นายสุนทร วิลาวัลย์ ออกจากตำแหน่ง นายก อบจ.ปราจีนบุรีว่า กรณีนี้ ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจถอดถอน แต่ต้องให้ต้นสังกัดคือกระทรวงมหาดไทย ดำเนินการ โดยพิจารณาว่าขาดคุณสมบัติหรือไม่ ประพฤติเสื่อมเสียหรือไม่ กรณีที่หนีหมายจับ

ดังนั้น รมว.มหาดไทย ต้องเป็นผู้พิจารณาว่านายสุนทร ขาดคุณสมบัติจริงหรือไม่ หากเข้าข้อหา จะต้องสอบสวน และเมื่อสอบสวนแล้วพบว่ากระทำผิด สามารถใช้อำนาจ รมว.มหาดไทย ถอดถอนออกจากตำแหน่งได้ ซึ่ง ป.ป.ช.ได้ชี้แนะว่ามีประเด็นเช่นนี้ ส่วนป.ป.ช.จะแจ้งไปยังกระทรวงมหาดไทยหรือไม่นั้น ยังไม่ได้มีมติเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่าป.ป.ช.สามารถดำเนินการได้อีกทางหนึ่งหรือไม่ ในฐานะนายสุนทร เป็นผู้บริหารระดับสูงของท้องถิ่น นายนิวัติไชย กล่าวว่า ไม่ได้ เพราะป.ป.ช.ไม่มีอำนาจ ที่ทำได้คือแจ้งประสานไปว่านายสุนทร มีพฤติกรรมเช่นนี้ ย้ำว่าเป็นอำนาจโดยตรงของต้นสังกัดคือ กระทรวงมหาดไทย เพราะการกระทำของนายสุนทร ที่ป.ป.ช.ชี้มูลว่าสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐให้กระทำผิดนั้น เป็นการกระทำในฐานะเอกชน เนื่องจากในปีดังกล่าว นายสุนทรยังไม่ได้ดำรงตำแหน่งใด เพิ่งมาดำรงตำแหน่งในภายหลัง ดังนั้น จะไปเอาผิดย้อนหลังไม่ได้ ป.ป.ช.จะถอดถอนได้ ต้องเป็นการกระทำความผิดระหว่างดำรงตำแหน่ง นายก อบจ.ปราจีนบุรี

“ขอให้ไปตรวจสอบอีกคดีหนึ่งดีกว่าคือ กรณีที่ดิน ที่อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี เกิดเมื่อปี 55 เรื่องนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นเจ้าของเรื่อง และส่งอัยการสูงสุดแล้ว เนื่องจากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐและมีนายสุนทร ร่วมด้วย และที่ดินของนายสุนทร ไม่ได้มีแค่โฉนดเดียว ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่าทั้งหมดมีเท่าไหร่ รู้สึกว่าจะมี 10 กว่าโฉนด ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สำนักตรวจสอบทรัพย์สินของป.ป.ช. กำลังตรวจสอบรายละเอียดเรื่องการครอบครองที่ดินของนายสุนทรอยู่ โดยเฉพาะการถือโฉนด ในอ.เนินหอม อ.ประจันตคาม ที่เป็นเขตที่ติดอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เจ้าหน้าที่กำลังดูอยู่” นายนิวัติไชย กล่าว

เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า สำหรับคดีบุกรุกป่า ยังไม่จบ ตราบใดที่ยังครอบครองที่ดินอยู่ แสดงว่ามีเจตนาบุกรุกอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าข้อหานี้ไม่เกี่ยวกับคดีที่จะหมดอายุความ ต้องแยกกัน เพราะความผิดคนละมาตรา คนละกฎหมาย คดีบุกรุกป่ายังคงอยู่ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข่าว หน่วยงานสามารถไปสอบสวน ฟ้องบุกรุก แผ้วถาง ปรับสภาพพื้นที่ป่า แล้วไปออกที่ดินโดยมิชอบ ทั้งที่เป็นที่ดินป่าไม้ได้ ซึ่งถือว่าเป็นการบุกรุก

นายนิวัติไชย กล่าวว่า อันที่หมดอายุความเฉพาะความผิดกรณีสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐให้กระทำผิด เป็นคนละกรรม แต่ยังมีความผิดอื่นอีกที่ดำเนินการกับนายสุนทรได้ แต่ตอนนี้ปัญหาว่า หน่วยงานไหนจะเป็นผู้ดำเนินการ ใครเป็นเจ้าของทรัพย์ เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ดูแลอุทยานแห่งชาติ ในฐานะผู้เสียหายจะต้องไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบให้ดำเนินการ และกรณีที่มีโฉนดอื่นๆ อีกหลายฉบับ ต้องไปแยกดูว่าใครเป็นเจ้าของเรื่อง เพราะอาจไม่ได้อยู่ในอำนาจ ป.ป.ช.ทั้งหมด เหมือนบางกรณีที่อยู่ในอำนาจดีเอสไอ

เมื่อถามถึงกรณีมาตรา 7 พ.ร.ป.ว่าด้วยป.ป.ช. ซึ่งมีการแก้ไขใหม่ มีสาระสำคัญว่า ถ้าผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีระหว่างดำเนินคดี หรือระหว่างการพิจารณาของศาล ระหว่างหลบหนี อายุความต้องสะดุดลงนั้น มาบังคับใช้กับกรณีนายสุนทรได้หรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า คดีของนายสุนทร เหตุเกิดเมื่อปี 2545 แต่กฎหมาย ป.ป.ช. แก้ไขเมื่อปี 2554 (ฉบับที่ 2) ที่ให้อายุความสะดุดหยุดอยู่ ซึ่งมีคำวินิจฉัยของศาลแล้วว่า การบังคับใช้กฎหมายที่เป็นโทษย้อนหลังไม่ได้ แต่ถ้ากฎหมายเป็นคุณ ถึงจะใช้ได้ เรื่องนี้ศาลมองว่าเป็นเรื่องของโทษ ฉะนั้น จะใช้ย้อนหลังไม่ได้

นายนิวัติไชย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่รายงานว่ากำลังติดตามตัวนายสุนทรอยู่ ส่วนที่คดีความของนายสุนทรขาดอายุความเช่นนี้ ถือเป็นการทำงานของ ป.ป.ช. ที่ฟาล์วหรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า ไม่ เพราะจะต้องพิจารณาเพิกถอนที่ดินอย่างแน่นอน เนื่องจาก ป.ป.ช.จะต้องส่งเรื่องให้กรมที่ดินเพิกถอน ที่ดินจะได้กลับมาเป็นของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แม้ผู้กระทำความผิดบางคนจะหลุดในกรรมนี้ก็ตาม แต่ใครทำอะไรต้องได้รับกรรมนั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน