“จุรินทร์” แจง กรณีไม่กล้าแตะประธานบอร์ด อคส. ปมทุจริตถุงมือยาง ชี้ เป็นคนลงนามตั้งกก.สอบเอง ยัน ไม่เคยละเลย โวความคืบหน้าทวงเงินคืนแล้ว

เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 20 ก.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อเนื่องเป็นวันที่สอง โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวชี้แจงภายหลังนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย อภิปรายถึงข้อกล่าวหาการทุจริตถุงมือยางภาค 2 ว่า ผู้อภิปรายได้ฉายหนังเก่า ที่พูดมาทั้งหมดกว่า 90% เป็นเรื่องที่ได้เคยพูดมาแล้ว เพียงแต่มาเติมว่าตั้งแต่วันที่อภิปรายครั้งก่อนจนถึงวันนี้ไม่มีความคืบหน้า และว่าตนไม่กล้าจัดการอะไรกับประธานบอร์ด

ฉะนั้น เรื่องที่ผู้อภิปรายยังพูดไม่เป็นความจริง ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนนั้นเป็นเพราะองค์การคลังสินค้า กระทรวงพาณิชย์ (อคส.) ไปยื่นแจ้งกับป.ป.ช. ไม่ใช่ข้อมูลนายประเสริฐ และไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนเลย เพราะตนยังไม่เคยไปชี้แจงกับป.ป.ช. ที่กล่าวหาว่าตนไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่จริงทั้งในที่ลับที่แจ้ง ตนไม่เคยเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้

นายจุรินทร์ ชี้แจงอีกว่า ภารกิจของ อคส. ที่ต้องทวงเงินคืนนั้น ไม่ได้มีแค่เรื่องถุงมือยาง แต่มีเงิน 3 ก้อน 1.ทุจริตจำนำข้าว 2.ทุจริตถุงมือยาง 2 พันล้านพร้อมดอกเบี้ย และ 3.ทุจริตมันสำปะหลัง คู่แฝดทุจริตจำนำข้าวนั่นเอง โดยกรณีทุจริตถุงถือยาง 2 พันล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย เกิดขึ้นเพราะอดีตรักษาการณ์ผู้อำนวยการ อคส. ไปทำสัญญาขายถุงมือยาง 125,000 ล้านบาทให้กับ 7 บริษัท หลังจากนั้นก็มาทำสัญญาถุงมือยางกับบริษัทการ์เดียนโกลฟส์ 110,000 ล้านบาท เพื่อจะได้เป็นเงื่อนไขในการเบิกเงิน อคส.ไป 2,000 ล้านบาทที่อ้างว่าไปจ่ายค่ามัดจำ

ทั้งนี้ ผอ.อคส.คนใหม่ที่เข้ามา เมื่อทราบว่ามีเงินหายจากบัญชี 2,000 ล้านบาทก็ได้แจ้งให้ตนทราบ และวันเดียวกันนายกฯ ได้มีคำสั่งย้ายอดีตรักษาการณ์ อคส.ไปยังสำนักนายกฯ ทันที แบบนี้เรียกว่านายกฯ ละเลยต่อเรื่องนี้ได้อย่างไร จากนั้น ผอ.อคส.ตั้งตรวจสอบข้อเท็จจริง และไปแจ้งความกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) เมื่อวันที่ 18 ก.ย.63 เพื่ออายัดเงินทันที และยังไปแจ้งกับป.ป.ช.ด้วย โดยป.ป.ช.ได้มีมติเมื่อวันที่ 29 ต.ค.63 อายัดเงิน 2,000 ล้านบาท

อีกทั้งมีความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของ อคส. และชี้มูลวามผิด 3 ราย คืออดีตรักษาการณ์ผอ.อคส. และเจ้าหน้าที่อีก 2 ราย ที่ท่านบอกว่าไม่เคยมีการตั้งคณะกรรมการสอบ หรือไม่เคยอายัดเงินเลยนั้นก็ไม่ใช่เรื่องจริง เพราะที่ผ่านมาก็มีการตั้งกรรมการสอบและอายัดเงิน

นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องที่กล่าวหาว่าประธานบอร์ดสนิทกับคนนั้นคนนี้ ตนได้ชี้แจงไปแล้วอย่างชัดเจน วันนั้นตนเคยอภิปรายไว้แล้ว ต่อมาตนได้ให้ดำเนินการทางแพ่ง อาญา และวินัย ส่วนเรื่องการละเมิด เรื่องการไปติดตามทวงเงิน 2,000 ล้านบาทและดอกเบี้ยคืน ซึ่งใครกระทำความผิด ใครเกี่ยวข้อง ก็จะต้องนำเงินมาชดใช้ เพราะเงินหลวงตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ซึ่งอันนี้เป็นการตั้งกรรมการสอบว่าใครต้องรับผิดชอบกี่บาท ตามพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ปี 2539

โดยผลการสอบดังกล่าวก็ออกมาแล้วว่าผู้ที่ต้องชดใช้เงินนี้มี 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่เจตนาทำให้รัฐเสียหาย ที่มี 4 ราย ต้องชดใช้คนละ 400.8 ล้านบาท ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่กรรมการชี้ว่าผิดทางวินัย 3 ราย และประธานบอร์ด ส่วนกลุ่มที่ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงมี 3 ราย ต้องชดใช้คนละ 133.6 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ต้องไปยุติที่กระทรวงการคลัง และเรื่องนี้ก็ได้ส่งไปยังกระทรวงการคลังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว








Advertisement

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนลงนามแต่งตั้งกรรมการสอบความรับผิดทางละเมิดประธานบอร์ดแล้ว เมื่อเดือน 31 พ.ค. 65 และกรรมการได้แจงข้อกล่าวหาแล้ว ส่วนการไต่สวนของป.ป.ช.กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของกรรมการป.ป.ช. ทั้งหมดนี้เราดำเนินการทั้ง 3 ด้านแล้ว ทั้งความผิดทางแพ่ง อาญา และวินัย ฉะนั้นที่ท่านกล่าวหาว่าตนปล่อยปละละเลยนั้นไม่เป็นความจริง ส่วนเงินก้อนที่สองเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ทุจริตจำนำข้าวที่พวกท่านสร้างไว้ ก่อความเสียหายให้ อคส. 548,061 ล้านบาท จน อคส.ต้องฟ้องเรียกค่าเสียหาย 1,180 คดีทั้งแพ่ง อาญา ค่าเสียหาย 500,000 กว่าล้านบาท

จากนั้น นายประเสริฐ ได้ประท้วงว่า ประชาชนอยากฟังเรื่องเส้นทางการเงินที่ตนอภิปราย ไม่ใช่มาตอบเรื่องอื่นหรือเอาเรื่องอื่นมากลบ แบบนี้เป็นการเอาดีเข้าตัวเอาชั่วใส่คนอื่น

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ตนไม่ได้เอาชั่วใส่ใคร ถ้าชั่วจริงมันก็ต้องชั่ว การดำเนินการคดีทางกฎหมายต้องเกิด เหมือนคดีทุจริตถุงมือยาง และเส้นทางการเงินที่ว่านั้น ทางป.ป.ช. และป.ป.ง.เข้าก็ดำเนินการ และเงินก้อนที่สามมูลค่า 30,000 ล้านบาททุจริตจำนำมัน สมัยท่านเป็นรัฐบาลเหมือนกัน ตนถึงได้บอกว่าก็อปปี้ทุจริตจำนำข้าวมาเลย ทำ อคส.ขาดทุน 33,000 ล้านบาท นี่คือสิ่งที่ อคส.ต้องตามฟ้องและหอบหิ้วกันไปขึ้นศาล เพราะสิ่งที่พวกท่านก่อไว้ ซึ่งตนก็ได้สั่งให้เร่งรัดเงินทั้ง 3 ก้อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน