ส.ส.เพื่อไทย ชูกล้วยกลางสภา ซัดรัฐบาลไม่จริงจังแก้ยาเสพติด หาซื้อง่ายกว่าไอติม บิ๊กป้อม ลุกขึ้นโต้ ยันจับยาทุกวัน ปัดอมตังค์ลูกน้องที่จับยาเสพติดได้

เมื่อเวลา 17.55 น. วันที่ 20 ก.ค.2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทราษฎร มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลเป็นวันที่สอง นางมนพร เจริญศรี ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ยิ่งรัฐบาลอยู่นาน ยาเสพติดยิ่งถูกลง เยาวชนหาได้ง่ายยิ่งกว่าหาซื้อไอศกรีม เดิมยาบ้าเม็ดละ 180-200 บาท แต่วันนี้เหลือเม็ดละ 30 บาทเท่านั้น ทุกครั้งที่มีการจับกุม มักพบว่าคนมีสีเข้ามาเกี่ยวข้อง

กลุ่ม 3 ป.ตั้งแต่บริหารจากยุคคสช.จนถึงรัฐบาลปัจจุบัน บริหารประเทศทำให้เสียหายเป็นอย่างมาก ยาเสพติดถือเป็นวงจรอุบาทว์ ที่ผ่านมามีการจับยาบ้าล็อตใหญ่ รัฐบาลได้แสดงสถิติบ้างหรือไม่ จับและทำลายไปเท่าไหร่ ไม่อยากให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางของยาเสพติดข้ามชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ จะปล่อยไว้อย่างนี้หรือ ทำไมปล่อยให้บ้านเราเป็นทางผ่านของยา หรือว่ามีคนมีสีคอยอำนวยความสะดวกโยธินทุกเส้นทาง

นางมนพร อภิปรายต่อว่า พล.อ.ประวิตรหากอยากรู้ยาบ้าขายที่ไหน ให้ไปถามผู้บังคับการทหาร ตำรวจ ผู้บัญชาการภาคนั้นๆ และผู้ว่าฯ เพราะเขารู้ดี ไม่รู้ว่าขบวนการจับยาเสพติดเป็นไปอย่างจริงจังหรือไม่ หรือเป็นเพียงการหวังเพื่อขึ้นตำแหน่งใหญ่ๆ ต่อไป ในการจับกุมก็มีเงินทอนในหลายรูปแบบ มีผลประโยชน์จากการยึดทรัพย์ มีการคัดของดีๆเอาไว้ให้พวกพ้อง นอกจากนี้สินบนนำจับไปไม่ถึงลูกน้อง

เรื่องยาเสพติดหากปล่อยไว้อย่างนี้ จะเป็นการทำลายคนอีกรุ่น ขอให้ประชาชนได้จดจำ สิ่งที่รัฐบาลประยุทธ์ พรรคร่วมรัฐบาลร่วมกันเข่นฆ่าอนาคตลูกหลาน ทำลายครอบครัวอันอบอุ่น ทำลายระบอบประชาธิปไตยให้บิดเบี้ยว สภาตกต่ำอย่างไม่เคยมีมาก่อน เราจะมาร่วมกันพิพากษาพรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นนั่งร้านให้รัฐบาลประยุทธ์ จึงไม่อาจไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร

เมื่อถึงการอภิปรายในช่วงนี้ นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วงว่า การอภิปรายช่วงหนึ่งพาดพิงว่าพรรคร่วมรัฐบาลร่วมเข่นฆ่าประชาชน จากปัญหายาเสพติด ขอให้นางมนพร ถอนคำพูด แต่นางมนพร ไม่ยอมถอนคำพูด โดยอ้างว่าผู้อภิปรายรู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นเรื่องจริง จึงขอชูกล้วยให้ จากนั้นนางมนพร นำกล้วยหอม 3 ใบชูและหันกลับไปทางนายคารม

จากนั้นเวลา 18.33 น. พล.อ.ประวิตร ลุกขึ้นชี้แจงว่า เรื่องยาเสพติด รัฐบาลเห็นเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพราะยาเสพติดเป็นมหันตภัยร้ายแรง บ่อนทำลายสถาบันครอบครัว สังคมและประเทศชาติ ก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมอย่างมาก โดยรัฐบาลได้เสนอร่าง พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดปี 2564 เน้นการบำบัด รักษาฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ โดยถือว่าผู้เสพและผู้ติดนั้นเป็นผู้ป่วย ขณะนี้ได้ทำอนุบัญญัติหรือกฎหมายลูกยังไม่แล้วเสร็จ ตนได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ไปพลางๆ ก่อน

แต่ปัญหายาเสพติดเป็นเรื่องเร่งด่วน ไม่สามารถรอได้ โดยบูรณาการความร่วมมือทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคมควบคู่กันไป เป็นการบำบัด รักษาและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ป่วยตั้งแต่ใช้ระบบสายด่วน 1567 และภาคีเครือข่าย ส่งผู้ป่วยไปสู่ศูนย์คัดกรองสถาบัน สถานพยาบาลและเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาและฟื้นฟูร่างกายและจิตใจโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

พล.อ.ประวิตร ชี้แจงต่อว่า เราบริหารจัดการบำบัดรักษา เพื่อให้ผู้ป่วยดำรงชีวิตได้เป็นปกติต่อไป คืนคนดีกลับสู่สังคม รัฐบาลให้ความสำคัญกับผู้ป่วยทุกคน ส่วนเรื่องยาเสพติดเราได้ปราบปราม จับกุมอยู่ทุกวัน ส่วนปัญหายาเสพติดตามชายแดน ทั้งตำรวจ ทหาร ทหารเรือก็จับกุมอยู่ทุกวัน ตนฟังผู้อภิปรายแล้ว อยากให้ท่านไปร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการจับกุม เพื่อให้จับกุมได้มากขึ้น ไม่ใช่มาพูดแบบนี้ คนทำงานผู้ใต้บังคับบัญชาของตนที่อยู่ตามชายแดนจะเสียกำลังใจ

ส่วนขบวนการค้ายาเสพติด ได้กำชับหน่วยงานด้านความมั่นคงให้จับกุมให้ได้มาก ขอให้คืนความดีให้กับผู้ที่จับกุมทุกคนด้วย

เราไม่มีการอมตามที่คุณว่าผู้บังคับบัญชาจะอม ผู้บังคับบัญชาไม่เคยคิดจะอมรายได้ของผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือตำรวจที่จับยาเสพติดได้ สมมติว่ามีการอม เราก็ต้องตัดสินกันอย่างเฉียบขาด ปัจจุบันเราทลายเครือข่ายยาเสพติดได้จำนวนมาก อย่างต่อเนื่อง ขอให้รับทราบด้วยว่ารัฐบาลไม่เคยนิ่งเฉยตลอด 8 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลพยายามทำทุกอย่างให้ยาเสพติดลดลงและหมดไป พยายามช่วยผู้ป่วยให้กลับคืนสู่สังคมได้” พล.อ.ประวิตร ระบุ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน