“โฆษก กมธ.สนช.” แถลงอ้างขยายเวลาเลือกตั้ง 90 ติดคำสั่ง คสช. 3 ฉบับห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรม เพื่อไม่ต้องให้ ม.44 พร่ำเพรื่อ ยันไม่มีไฟเขียว พร้อมปรับแก้ไม่ไปเลือกตั้งอดรับราชการรัฐสภา กำหนดค่าใช้จ่ายหาเสียงเท่ากันทุกพรรค ห้ามขนคนลงคะแนน ห้ามทำโพลชี้นำ ขยายเวลาหย่อนบัตร 07.00-17.00น.

เมื่อวันที่ 22 ม.ค. เวลา 10.00 น.ที่รัฐสภา นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงถึงเหตุผลของคณะกมธ.วิสามัญฯในการแก้ไขระยะเวลาของการให้บังคับกฎหมายเมื่อพ้น 90 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามมาตรา 2 ว่า เดิมที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จัดทำร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.อยู่บนเงื่อนไขหนึ่ง คือ เวลานั้นกฎหมายพรรคการเมืองยังไม่ได้มีการแก้ไข โดยบทเฉพาะกาลกฎหมายพรรคการเมืองกำหนดให้พรรคการเมืองดำเนินการเรื่องธุรการ เช่น การทบทวนบัญชีสมาชิกพรรค จัดการเรื่องทุนประเดิมของพรรคการเมือง การจัดหาสมาชิกพรรคให้ได้ 5000 คนภายใน1 ปี เป็นต้น แต่เมื่อกฎหมายเลือกตั้งส.ส.เข้ามาสู่สนช.แล้ว แต่เมื่อคณะกมธ.วิสามัญฯได้พิจารณาร่างกฎหมายเลือกตั้งส.ส.ปรากฎว่าได้มีคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 53/2560 ออกมา

นายทวีศักดิ์ กล่าวต่อว่า ประกาศคสช.ฉบับนี้มีผลต่อเรื่องระยะเวลาในการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง จากเดิมที่พรรคการเมืองจะต้องปฏิบัติตามบทเฉพาะกาลของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองที่พรรคการเมืองต้องเริ่มกระบวนการทางธุรการทันทีที่หลังจากกฎหมายพรรคการเมืองประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 8 ต.ค.2560 แต่มีประกาศคสช.ฉบับที่ 57/2557 ที่ห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง และคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่3/2558 ห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ส่งผลให้พรรคการเมืองยังดำเนินการทางการเมืองไม่ได้ แม้ว่ากติกาจะเปิดโอกาสแล้วก็ตาม ประกอบกับเมื่อมีคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 53/2560 ส่งผลให้พรรคการเมืองจะสามารถเริ่มดำเนินการทางการเมืองได้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2561 และสำหรับพรรคการเมืองใหม่จะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.2561 ถ้านับระยะเวลาจากวันที่ 8 ต.ค.2560มาถึงวันที่ 1 ม.ย.2561 จะมีเวลาที่ถูกขยับ 6 เดือน

“ในคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 53/2560 กำหนดว่าการประชุมใหญ่พรรคการเมืองให้ดำเนินการภายใน 90 วันนับแต่วันที่ยกเลิกประกาศคสช.ฉบัที่ 57/2557 และคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 3/2558 ดังนั้น ระหว่างที่เราพิจารณากฎหมายเลือกตั้งส.ส.ได้มีเงื่อนไขใหม่และกำหนดเวลาไว้ชัดเจน จึงเห็นว่าถ้าให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ทันทีจะทำให้ต้องเริ่มนับ 150วันไปสู่การเลือกตั้งทันที และถ้ายังไม่ได้เปิดกติกาให้พรรคการเมืองได้ดำเนินการ จะเป็นผลเสียต่อพรรคการเมือง สมมติว่าพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.มีผลในวันรุ่งขึ้นหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา ผ่านไป 2 เดือนยังไม่ให้พรรคการเมืองประชุมพรรคได้ พรรคการเมืองจะเหลือเวลา 90 วัน ซึ่งคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งจะต้องสังกัดพรรคการเมือง 90 วัน ทำให้มีปัญหาเรื่องการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งทันที ยังไม่นับเรื่องของเวลาในการทำไพรมารี่โหวต คณะกมธ.วิสามัญฯจึงเห็นว่าต้องมีระยะเวลาช่วงหนึ่ง คือ 90 วัน” นายทวีศีกดิ์ กล่าว

นายทวีศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาเคยมีกฎหมายที่ไม่ได้มีผลบังคับใช้ทันทีที่ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษามาก่อนแต่กำหนดระยะเวลาให้มีผลบังคับใช้ภายหลัง เช่น พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจพ.ศ.2558 ที่กำหนดว่าเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วจะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้น240 วัน เป็นต้น ขณะเดียวกันรัฐบาลเคยประกาศใช้พระราชกำหนดเพื่อแก้ไขจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าว ซึ่งมีผลบังคับใช้ทันทีที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ปรากฎว่าในทางปฏิบัติไม่สามารถดำเนินการได้ แม้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะยืนยันกับคณะรัฐมนตรีแล้วว่าพร้อมดำเนินการทันทีก็ตาม ต่อมาจึงมีการใช้อำนาจามมาตรา 44 ขยายเวลาของการให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ออกไป

“ถ้ากฎหมายผ่านไปแล้วโดยไม่คำนึงถึงเรื่องเวลา หลายคนบอกว่าเราไม่จำเป็นต้องไปยุ่งเรื่องเวลา ถ้ามีปัญหาก็ใช้มาตรา 44 แต่ถ้าพอไปถึงตรงนั้นทั้งเราและคสช.ก็ถูกตำหนิอีกว่ารู้อยู่แล้วว่ามีปัญหาทำไมถึงไม่ทำ แต่กลับไปใช้มาตรา 44 ซึ่งถูกวิจารณ์อีกว่าใช้มาตรา 44 พร่ำเพรื่อ ดังนั้น ผมคิดว่าการดำเนินการของเราเป็นไปด้วยเหตุผล ไม่ใช่เรื่องไปรับอะไรมา” นายทวีศักดิ์ กล่าว

เมื่อถามว่า แม้ในทางกฎหมายจะสามารถแก้ไขเพื่อขยายเวลาได้ แต่อีกด้านก็มีผลกระทบต่อการเลือกตั้งที่ คสช.เคยประกาศไว้ว่าจะมีในเดือนพ.ย.61 นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า คณะกมธ.วิสามัญฯมีเพียงหน้าที่พิจารณากฎหมาย หากไปตอบประเด็นทางการเมืองจะเกินอำนาจหน้าที่ของคณะกมธ.วิสามัญฯ เมื่อถามย้ำว่า การแก้ไขเวลาลักษณะนี้หมายความว่าได้รับไฟเขียวมาจากคสช.แล้วใช่หรือไม่ นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า คงไปตอบแทนทั้งหมดไม่ได้ แต่เท่าที่ส่วนตัวรับรู้ยืนยันได้ว่าไม่มี

ต่อข้อถามว่า ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติทำไมไม่เสนอให้คสช.ดำเนินการปลดล็อคทางการเมืองเพื่อให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมได้ นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า “อันนั้นต้องไปถามประธานสนช. ผมแถลงข่าวและตอบคำถามในนามโฆษกรรมาธิการฯ หน้าที่ของเรา คือ การพิจารณาร่างกฎหมายเลือกตั้งส.ส.และนำกลับเข้าสู่สภา ถ้าประเด็นในทางการเมืองต้องไปถามให้มันตรงกับคนที่รับผิดชอบ”

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีได้ประกาศต่อนานาชาติแล้วว่าจะมีการเลือกตั้งในปีนี้ แต่การแก้ไขกฎหมายลักษณะนี้จะมีผลต่อความน่าเชื่อถือของประเทศหรือไม่ นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า “ผมคิดว่าความน่าเชื่อถือของประเทศอยู่กับหลายฝ่าย ไม่ได้อยู่กับคนใดคนหนึ่ง ท่านก็ไปช่วยถามท่านนายกฯด้วย”
นายทวีศักดิ์กล่าวว่า นอกจากสาระสำคัญของมาตรา2 ที่กมธ.แก้ไขแล้ว ยังมีมาตราอื่นๆที่กมธ.ได้ปรับปรุงแก้ไขจากร่างเดิมของกรธ.อาทิ มาตรา15 กรณีมีเหตุจำเป็นอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ให้สามารถจัดการเลือกตั้งภายในวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร ให้กกต.ลงคะแนน2 ใน3 ของที่มีอยู่ทั้งหมด หรือตั้งแต่5 คนขึ้นไปจากจำนวน7 คน กำหนดให้มีวันเลือกตั้งใหม่ จากเดิมที่กรธ.เสนอมาให้ใช้เสียงกกต.2 ใน3 เท่านั้น มาตรา 35 การเพิ่มการถูกจำกัดสิทธิแก่ผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งจากที่กรธ.เสนอมาว่า ไม่ให้มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งส.ส. การตัดสิทธิการลงสมัครส.ส.และสภาท้องถิ่น สิทธิ การตัดสิทธิลงสมัครกำนันผู้ใหญ่ เพิ่มเป็น การตัดสิทธิการสมัครเข้ารับราชการ พนักงาน ลูกจ้างสังกัดรัฐสภา การตัดสิทธิการได้รับแต่งตั้งเป็นข้าราชการการเมือง การตัดสิทธิการได้รับการแต่งตั้งรองผู้บริหาร ผู้ช่วยและที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น โดยมีกำหนดการตัดสิทธิเป็นเวลา2ปี

นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนมาตรา46 และมาตรา 59 การแก้ไขไม่ให้คืนเงินค่าสมัครส.ส.เขตและส.ส.บัญชีรายชื่อ10,000 บาท แก่ผู้สมัครที่ได้คะแนนเสียงมากกว่าร้อยละ5 ของผู้มาใช้สิทธิลงคะแนน จากเดิมที่กรธ.เสนอให้คืนเงินค่าสมัครแก่ผู้สมัครและพรรคการเมืองทีได้คะแนนเสียงเกินร้อยละ 5 เพื่อไม่ให้ความยุ่งยากในขั้นตอนธุรการและที่ผ่านมาไม่เคยมีการคืนเงินค่าสมัคร

นายทวีศักดิ์กล่าวต่อว่า มาตรา 64 การกำหนดค่าใช้จ่ายการเลือกตั้งของส.ส.และพรรคการเมือง ให้กกต.หารือกับพรรคการเมือง เพื่อกำหนดค่าใช้จ่ายการเลือกตั้งให้สอดคล้องกับความจำเป็นและสภาวะเศรษฐกิจทุก 4ปี โดยกำหนดให้ค่าใช้จ่ายการหาเสียงของพรรคการเมืองและผู้สมัครส.ส.เขตต้องใช้เท่ากันทุกพรรค จากเดิมที่ไม่ได้กำหนด มาตรา 71 การหาเสียงเลือกตั้งโดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ให้ยุติในเวลา 18.00 น. ก่อนวันเลือกตั้ง 1 วัน เหมือนการหาเสียงด้วยวิธีอื่นๆ จากเดิมที่กำหนดให้ยุติหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ก่อนวันเลือกตั้ง 3วัน มาตรา 74 การกำหนดให้การสำรวจความเห็นประชาชนโดยมีเจตนาไม่สุจริตอันมีลักษณะชี้นำต่อการตัดสินใจการลงคะแนนของประชาชน ไม่สามารถกระทำได้ จากเดิมที่เสนอให้การสำรวจความเห็นประชาชนที่มีลักษณะชี้นำไม่สามารถทำได้ เพื่อเพิ่มการคุ้มครองแก่สำนักโพลต่างๆให้สามารถทำโพลสำรวจความเห็นประชาชนได้ มาตรา 75 ให้สามารถจัดแสดงมหรสพ งานรื่นเริงระหว่างการหาเสียงได้ จากเดิมที่ห้ามการแสดงมหรสพ งานรื่นเริงระหว่างการหาเสียง มาตรา77 การห้ามผู้สมัครจัดยานพาหนะขนคนไปลงคะแนนและนำกลับจากสถานที่เลือกตั้ง เพื่อการออกเสียงลงคะแนน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

นายทวีศักดิ์กล่าวว่า มาตรา82 ให้กกต.สนับสนุนการโฆษณาหาเสียงแก่ผู้สมัครและพรรคการเมือง โดยอาจจัดเวทีประชันนโยบายบริหารประเทศ(ดีเบต) ของพรรคการเมือง จากเดิมที่เสนอให้สนับสนุนการหาเสียงแก่ผู้สมัครและพรรคการเมืองเพียงอย่างเดียว มาตรา87 การขยายเวลาการลงคะแนนเลือกตั้งเป็น 07.00-17.00 น. จากเดิมเวลา08.00-16.00 น. มาตรา 129 การคิดคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่กมธ.คงไว้ตามหลักการเดิมที่กรธ.เสนอมา แต่เพิ่มเติมข้อความให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น ไม่ให้เกิดการตีความการคิดคะแนนได้หลายวิธี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน