ป.ป.ช. แย้ม ปม ไลน์แจกกล้วยพรรคเล็กหลุด หากพบหลักฐาน ให้เงินแลกโหวต อาจเข้าข่ายรับสินบน-ผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง-โทษหนัก คุก20ปี

เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2565 ที่สำนักงานป.ป.ช. นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวไลน์หลุดมีชื่อของนักการเมืองพรรคเล็กบางคน ได้รับเงินรายเดือน เดือนละ 100,000 บาท พร้อมมีการแฉสลิปโอนเงิน เป็นหลักฐานว่า ขณะนี้ สำนักงานป.ป.ช. สั่งตรวจสอบแล้ว เพื่อรวบรวมข้อมูลที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นการเฝ้าระวังจากการมอนิเตอร์ข่าว เป็นไปตามหน้าที่ของป.ป.ช.อยู่แล้ว หากมีการร้องเรียนมา ป.ป.ช.จะได้มีพยานหลักฐาน หรือถ้าไม่มีการร้องเรียน แต่มีเหตุอันควรสงสัย ป.ป.ช. ก็หยิบยกขึ้นมาตรวจสอบได้ ซึ่งไม่ใช่แค่กรณีนี้แต่ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ ป.ป.ช. จะมีการเฝ้าระวังทั้งหมด

ระหว่างนี้สำนักการข่าวและกิจการพิเศษ เป็นคนรวบรวมข้อมูลตั้งแต่การอภิปรายในสภา จะวิเคราะห์ว่ามีข้อมูลมีหลักฐานเพียงพอจะหยิบยกเรื่องดังกล่าวขึ้นมาตรวจสอบหรือไม่ หรือหากพบว่าข้อเท็จจริงมีมูล ป.ป.ช.สามารถตั้งเรื่องขึ้นมาตรวจสอบได้ตามกระบวนการ

นายนิวัติไชย กล่าวว่า หากบอกว่าเป็นการกู้ยืมเงิน แล้วข้อเท็จจริงพบว่าเป็นการยืม ก็ไม่ถือว่าผิด เพราะสามารถกู้ยืมได้ แต่หากไม่ใช่การกู้ยืม เป็นการให้ก็อาจจะผิด ซึ่งตามกฎหมายของป.ป.ช.แล้ว ส.ส.หรือเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่สามารถรับผลประโยชน์ที่คิดเป็นเงินเกิน 3,000 บาท ฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 128 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นายนิวัติไชย กล่าวว่า ทั้งนี้ ต้องพิจารณาว่าเป็นการรับเงินเพื่อแลกกับการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ หากพบเป็นการรับเงินเพื่อแลกกับการลงมติ อาจเข้าข้อหารับสินบน มีความผิดฐานต่อหน้าที่ราชการเพิ่มขึ้นอีก กรณีเป็นเจ้าหน้าที่รัฐรับทรัพย์สินโดยมิชอบ เพื่อแลกกับการกระทำหรือไม่กระทำบางอย่าง มีโทษจำคุก 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 100,000-400,000 บาท หรือประหารชีวิต ถือเป็นความผิดทางอาญาเพิ่มขึ้นอีก

หากพบเป็นการให้เงิน ต้องดูว่าให้เพื่ออะไร ให้เพื่อแลกกับการโหวตหรือไม่ ซึ่งจะเป็นอีกประเด็นหนึ่งคนละกรณี อาจเข้าข้อหารับสินบน ฐานความผิดต่อหน้าที่ราชการ ถ้าให้เงินหรือรับเงินสินบน เพื่อปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ก็จะเข้าข่ายจริยธรรมร้ายแรงด้วย

นายนิวัติไชย กล่าวว่า ถ้ามีความผิดทางจริยธรรมร้ายแรง อาจถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง และอาจถึงขั้นถูกตรวจสอบฐานร่ำรวยผิดปกติด้วย ถ้าไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินได้ เช่นเดียวกับผู้ให้เงินอาจมีความผิดฐานให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่รัฐด้วย เรียกได้ว่า เป็นความผิดกรรมเดียว แต่อาจมีหลายกระทงความผิด

โดยหลังจากนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ยื่นเรื่องให้ป.ป.ช.ตรวจสอบในวันที่ 26 ก.ค.แล้ว ป.ป.ช.จะพิจารณาตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้นว่า มีข้อมูลหลักฐานอะไรบ้าง หากเป็นแค่ข้อมูลลอยๆว่า มีแค่ไลน์หลุด อาจไม่เพียงพอ ป.ป.ช.ต้องไปไต่สวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมต่อไป








Advertisement

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน