รองเลขาฯปชป. ซัด “บิ๊กรัฐบาล – ส.ส.บางราย” กลัวสอบตก ชงแก้รธน.กลับไปกลับมา ไปใช้บัตรใบเดียวแบบมัดมือชก ทำสภาฯ กลายเป็นสภาโจ๊ก
วันที่ 29 ก.ค.2565 นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงความเคลื่อนไหวแก้ไขกติกาการเลือกตั้งส.ส. เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมืองว่า มีความเคลื่อนไหวของแกนนำรัฐบาลและส.ส.บางรายที่เห็นว่า หากจะเดินตามสูตรที่พิจารณาขณะนี้ อาจทำให้ตัวเองหมดโอกาสกลับเข้าไปทำหน้าที่ส.ส.ในสมัยหน้า จึงเสนอให้กลับไปใช้วิธีการเดิมในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 นั่นคือ บัตรใบเดียวที่มัดมือชกเลือกทั้งเขตและบัญชีรายชื่อ และวิธีคิดคำนวณที่พิสดาร ไม่มีมาตรฐานที่แน่นอน
มีความเคลื่อนไหวที่จะปัดฝุ่นนำวิธีการนี้มาสร้างความได้เปรียบให้กับตัวเอง ท่ามกลางความงุนงงสงสัยของประชาชนที่มองว่าสภาชุดนี้กำลังจะกลายเป็นสภาโจ๊ก เพราะกลับไปกลับมา เอาแน่เอานอนไม่ได้
นายชัยชนะ กล่าวต่อว่า ขณะนี้การแก้ไขพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูฐ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่..) พ.ศ. ใกล้พิจารณาวาระ 3 แล้ว จึงควรให้ลงมติเสร็จสิ้นก่อน เพราะยังมีขั้นตอนตามรัฐธรรมนูญที่ให้รัฐสภาส่งร่างที่เห็นชอบแล้วนั้น ไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เพื่อให้ความเห็นต่อไปภายใน 10 วัน หากไม่มีการทักท้วงก็ให้รัฐสภาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป รวมทั้งยังมีช่องทางการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความด้วย
หากศาลฯ เห็นว่าสิ่งที่สมาชิกรัฐสภาดำเนินการมาทั้งหมดขัดกับรัฐธรรมนูญ รัฐสภาก็ต้องปฏิบัติตามคำวินิจฉัย และเร่งรีบพิจารณาให้เรียบร้อยก่อนเลือกตั้ง ตามกำหนดเวลาที่จะต้องไม่เกินเดือนพ.ค.2566 ฉะนั้น ไม่ควรสร้างความสับสนให้ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง เพียงเพื่อเอาชนะในทางการเมืองเท่านั้น
นายชัยชนะ กล่าวว่า ตนเห็นว่ากระบวนการที่รัฐสภาดำเนินการไปนั้น ประชาชนรับรู้หมดแล้ว ดังนั้น แกนนำรัฐบาลและส.ส.ที่กลัวจะสอบตก ไม่ควรพลิกแพลงหาวิธีการพิสดารพันลึกใดๆ ให้ได้รับชัยชนะ หรือเพียงเพื่อให้ตัวเองกลับมาเท่านั้น เพราะในที่สุดประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจในคูหาเลือกตั้งว่าจะให้ใครเป็น ส.ส. และจะให้พรรคใดเป็นแกนหลักจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ
“การเคลื่อนไหวถึงขั้นจะกลับไปแก้รัฐธรรมนูญใหม่ ใช้บัตรใบเดียว เพียงเพื่อสนองความต้องการตัวเอง นอกจากป็นการ แกงหม้อใหญ่ ให้กับหลายฝ่ายแล้ว ประชาชนก็มองรัฐสภาชุดนี้เป็น สภาโจ๊ก ไปด้วย เพราะท่าทีกลับไปกลับมา เอาความแน่นอนและหาสาระอะไรไม่ได้ ส่งผลให้ภาพลักษณ์ดูไม่ดีในสายตาประชาชน” นายชัยชนะกล่าว
