เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 ม.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นร้องเรียนให้ กกต.ตรวจสอบรัฐมนตรี 3 คน ที่กระทำการเข้าข่ายขัดกันแห่งผลประโยชน์ ตามหมวด 9 ของรัฐธรรมนูญ 2560 และเข้าข่ายขาดคุณสมบัติ ตามมาตรา 186 ประกอบมาตรา 184 วรรหนึ่ง (2) ประกอบมาตรา 160 (8) หรือไม่

ประกอบด้วย ม.ล.ปนัดดา ดิสกุล นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ และนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร เนื่องจากทั้ง 3 คน ถือหุ้นสัปทานรัฐ หรือบริษัทที่เป็นคู่สัญญาสัปทานกับรัฐ เข้าข่ายผลประโยชน์ขัดกัน ซึ่งต้องห้ามดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ

นายเรืองไกร กล่าวว่า จากการตรวจสอบการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา ของครม.ประยุทธ์ 5 พบว่า ม.ล.ปนัดดา ซึ่งเป็น 1 ใน 9 รัฐมนตรีที่ตนเคยยื่นร้องต่อ กกต.มาแล้ว และการแสดงบัญชีทรัพย์สินครั้งนี้ ม.ล.ปนัดดา ยังคงแจ้งว่ามีหุ้นของบริษัทท่าอากาศยานไทย หรือทอท. กว่า 6 พันหุ้น แม้จะพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว แต่ที่ต้องยื่นเนื่องจากรัฐธรรมนูญ บัญญัติในลักษณะต้องห้ามของการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีไว้ว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติ จะต้องเว้นวรรคการดำรงตำแหน่ง 2 ปี ตามมาตรา 160 ประกอบ 187

ส่วนนายสุวิทย์ แม้จะเป็นรัฐมนตรีมา 3 รอบแล้ว แต่พึ่งได้รับตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ 2560 เป็นครั้งแรก ซึ่งพบว่าถือหุ้นในบริษัท GPSC หรือบริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) 9 หมื่นหุ้น ซึ่งบริษัทดังกล่าวรวมบริษัทโฮลดิ้งที่รวมบริษัทลูกของ ปตท. ซึ่งในเว็บไซต์ GPSC ได้เปิดเผยหมายเหตุไว้ในการแสดงงบการเงินของบริษัทว่า บริษัทมีที่มาอย่างไร ทั้ง 30 บริษัทลูก แสดงให้เห็นว่าบริษัทดังกล่าวเป็นคู่สัญญาสัมปทานกับรัฐอย่างชัดเจน ดังนั้น การที่นายสุวิทย์ ถือหุ้นบริษัทดังกล่าว จึงเข้าข่ายถือหุ้นบริษัทที่เป็นคู่สัญญากับรัฐทั้งโดยตรงและทางอ้อม ซึ่งต้องห้ามตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้

สำหรับนายไพรินทร์ และคู่สมรส ถือหุ้นที่เป็นคู่สัญญาสัมปทานกับรัฐจำนวนมาก โดยถือหุ้นใน บมจ. GPSC 5 หมื่นหุ้น บมจ. IRPC 2 4.9 แสนหุ้น บมจ ปตท. 5 พันหุ้น บมจ. พีทีที โกลบอล เคมีคอล 6 หมื่นหุ้น บมจ.ไทยออย 4 หมื่นหุ้น บมจ. กัลฟ์ เอนเนอร์จี ดีเวลลอปเมมท์ 3 แสนหุ้น บมจ.บ้านปู พาวเวอร์ หมื่นหุ้น บมจ.อินทัช โฮลดิ้ง 2.6 หมื่นหุ้น

นายเรืองไกร กล่าวว่า จากข้อมูลทั้งหมดอยากให้ กกต.รีบพิจารณาและส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งการตรวจสอบข้อมูลทำได้ไม่ยาก ขอไปที่ตลาดหลักทรัพย์ จึงไม่น่าจะล่าช้าเหมือนกับ 9 รัฐมนตรีและ 90 ส.ว. ที่ตนได้ร้องไปตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม แปลกใจที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ยังคงแต่งตั้งบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามดำรงตำแหน่ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญ เคยมีคำวินิจฉัยวางบรรทัดฐานไว้แล้วกรณี 6 รัฐมนตรี

“แม้จะอ้างว่าดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ 2550 แต่บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2560 ก็ไม่แตกต่างจากปี 2550 อีกทั้ง 9 รัฐมนตรีก่อนหน้านี้เคยถูกร้อง ทำไมในครม.ประยุทธ์ 5 จะแต่งตั้งอีก ถ้าอยากจะตั้งก็ควรให้รัฐมนตรีเหล่านี้ขายหุ้นให้หมดก่อน แล้วค่อยแต่งตั้งก็จะไม่มีปัญหา วันนี้นายกฯยังจะรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ทำไมถึงไม่พิจารณาปรับครม. ซึ่งเป็นอำนาจของนายกฯ นำคงเหล่านี้ออกก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัย” นายเรืองไกร กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน