ที่ประชุมร่วมรัฐสภา เดินหน้าถก ร่างพ.ร.ป.เลือกตั้งส.ส. เพื่อไทย ดิ้นสู้ให้ขานชื่อทีละคน หวั่นกดบัตรแทนกัน สุดท้ายครบองค์ประชุม

เมื่อเวลา 11.26 น. วันที่ 10 ส.ค.2565 ที่รัฐสภา มีการประชุมรัฐสภา มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ… วาระ 2 ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว และปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับมาตรา 23 ที่เกี่ยวกับสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ ด้วยการหาร 500

จากนั้น ที่ประชุมเริ่มการพิจารณามาตรา 24/1 ที่กมธ.เพิ่มขึ้นมาใหม่ เกี่ยวกับการคํานวณ และการประกาศผลการเลือกตั้ง ซึ่งในมาตรานี้ มีกมธ.ขอสงวนความเห็นหลายคน เช่น นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มมาตรา 24/1 ขึ้นมา เพราะขัดกับมาตรา 91 ของรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขอย่างชัดเจน ทั้งที่สูตรการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ ด้วยการหาร 500 ก็ขัดอยู่แล้ว ตนจึงมีสิทธิไม่เห็นด้วย และอาจไม่เห็นด้วยในวาระ 3

ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล ในฐานะกมธ.ที่สงวนความเห็น กล่าวว่า รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 91 สาระคือการแก้ไขการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ การยกเลิกระบบจัดสรรปันส่วนผสม และยกเลิกบัตรเลือกตั้งใบเดียว โดยในการประชุมกมธ. เมื่อวันที่ 10 ส.ค.64 นายมหรรณพ เดชวิทักษ์ ส.ว. ในฐานะรองประธาน กมธ. คนที่ 1 ที่ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ได้ถาม กกต. ว่า ระบบการเลือกตั้งที่แก้ไขเป็นแบบเดียวกับรัฐธรรมนูญปี 40 และปี 50 หรือไม่ โดย กกต.ยอมรับว่าเป็นแบบเดียวกัน และระบุว่าให้แยกการคำนวณด้วย ด้วยเหตุนี้ร่างพ.ร.บ.ที่เสนอทั้ง 4 ร่าง จึงเสนอหลักการหาร 100

ตนจึงยืนยันว่าการกลับไปหาร 500 ขัดกับมาตรา 91 ของรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขอย่างแน่นอน การกระทำที่สุ่มเสี่ยงเป็นเรื่องที่ต้องคิดให้มาก และที่กำลังทำกันอยู่ อาจมากกว่าคำว่าสุ่มเสี่ยงด้วยซ้ำไป

ทั้งนี้สมาชิกส่วนใหญ่ต่างอภิปรายไปในทิศทางเดียวกันว่า มาตรา 24/1 นั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไข

จากนั้นเวลา 13.36 น. นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประชุมการประชุม ให้ที่ประชุมโหวตลงมติในมาตรา 24/1 แต่นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) เสนอขอให้แพลนกล้องเพื่อบันทึกภาพบรรยากาศภายในห้องประชุมให้หมดว่า มีสมาชิกคนใดอยู่บ้าง เพื่อป้องกันการเสียบบัตรแทนกัน และจะขอตรวจสอบเอกสารเพิ่มเติมด้วยว่าตรงตามที่ปรากฏหรือไม่

ขณะที่นายออน กาจกระโทก ส.ว. เสนอให้ตรวจสอบองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ เพื่อให้ประชาชนรู้ไปเลยว่าสมาชิกคนใดไม่มาประชุมบ้าง แต่นายพรเพชร ได้ดำเนินการต่อตามเดิม โดยขอตรวจสอบองค์ประชุมก่อนลงมติ ซึ่งมีผู้แสดงตน 366 คน ถือว่าครบองค์ประชุม แต่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ประท้วงว่า คะแนนที่ปรากฏเกินกึ่งหนึ่งมาเพียง 1 คน เพื่อให้เกิดคความชัดเจน ตนจึงเสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ เพราะเกรงว่าจะมีการกดบัตรแทนกันหรือไม่

แต่นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ประท้วงข้อเสนอของนายจุลพันธ์ ระบุว่า การตรวจสอบองค์ประชุมเสร็จสิ้นไปแล้ว การเสนอให้ตรวจสอบองค์ประชุมด้วยการขานชื่ออีก ถือเป็นการเจตนาที่จะเตะถ่วงมากเกินไป เพราะต้องใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง ตนจึงเสนอญัตติว่าไม่เห็นด้วยกับนายจุลพันธ์

จากนั้น นายพรเพชร ได้ขอเวลา เพื่อให้เจ้าหน้าที่เตรียมตรวจสอบองค์ประชุมโดยการขานชื่อ ทำให้นพ.ระวี ประท้วงอีกครั้ง และแสดงความไม่พอใจ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเมื่อมีความเห็นต่างจะต้องขอมติจากที่ประชุมว่าคิดเห็นอย่างไร แต่นายพรเพชร ยังยืนยันจะตรวจสอบองค์ประชุมโดยการขานชื่อเช่นเดิม และในเวลา 14.14 น. เริ่มตรวจสอบองค์ประชุมโดยการขานชื่อสมาชิกทั้งหมดที่มี 727 คน

ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังการขานชื่อสมาชิก โดยเวลา 2 ชั่วโมง ปรากฎว่า ครบองค์ประชุม โดยมีสมาชิกรัฐสภา แสดงตน 403 คน ซึ่งถือว่าเกินกึ่งหนึ่งคือ 364 คน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน