เพื่อไทย เย้ยรัฐขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ – บัตรคนจนรอบใหม่ แค่แพ็กเกจหาเสียง จวกรัฐบาลเก่งแค่ลมปาก ทำเศรษฐกิจไทย รั้งท้ายอาเซียน

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 29 ส.ค.2565 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สุรินทร์ กล่าวถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยในขณะนี้ว่า เหมือนเครื่องบินติดหลุมอากาศมาต่อเนื่อง ยังหาทางออกไม่ได้ แม้รัฐบาลจะแห่กันประชาสัมพันธ์ว่าเศรษฐกิจดี นักลงทุนเชื่อมั่น แต่ชาวบ้านดูออกว่ามีแต่พังและแพงทั้งระบบ หาทางฟื้นตัวยาก ลำพังจะรอท่องเที่ยวฟื้นตัว แต่ยังมีมาตรการทั้งในขาของผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวที่ไม่จูงใจแบบนี้ ก็เป็นการรอคอยที่ไร้ค่า

หากจับสัญญาณของภาคเอกชนต่างๆ อยู่ในภาวะชะลอการลงทุนและดูความชัดเจนในหลายๆเรื่อง เพราะขาดความเชื่อมั่นจากประเด็นนายกฯ 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ความระหองระแหงในพรรคร่วมรัฐบาล ปัญหาเงินเฟ้อรุนแรง แต่กำลังซื้อถดถอย ดังนั้น ที่รัฐบาลเชื่อมั่นว่าการเติบโตของเศรษฐกิจของไทยในครึ่งปีหลังจะสูงถึง 3.5% คงเป็นแค่ลมปาก ที่ยังหาผลสำเร็จจับต้องไม่ได้ หรือหากทำได้จริง ก็ยังล้าหลังออกตัวช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนไปหลายช่วงตัว

นายชนินทร์ กล่าวต่อว่า หากเปรียบเทียบอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ของกลุ่มประเทศอาเซียนในช่วงที่ผ่านมา ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ในปี 2563 ไทยมีเศรษฐกิจถดถอยเกือบท้ายสุด คิดเป็น ติดลบ 6.2% และในปี 2564 ไทยยังมีอัตราการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่ำที่สุด คิดเป็นแค่เพียง 1.6% ระหว่างที่ประเทศอื่นๆ เติบโตกันที่ 2.6-7.6%

ในครึ่งปีแรกของปี 2565 ไทยยังคงไม่ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจที่ถดถอยหนัก ระหว่างที่ประเทศในกลุ่มอาเซียนสามารถกลับมาเติบโตใน 2 ไตรมาสได้ไม่น้อยกว่า 4-5% กันทั้งหมด ไทยกลับยังคงเติบโตได้แค่เพียง 2.2% ในไตรมาสที่ 1 และ 2.5% ในไตรมาสที่ 2 ทั้งที่เคยคาดการณ์ไว้สูงถึง 3.1% สถานการณ์นี้ยิ่งตอกย้ำความไร้ศักยภาพในการบริหารจัดการของรัฐบาลชุดนี้ ทั้งยามวิกฤตและยามต้องเร่งการฟื้นตัวอย่างชัดเจน

นายชนินทร์ กล่าวอีกว่า หากไปไล่ดูผลงานการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ตลอดเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา ยังไม่สามารถหานโยบายที่พลิกฟื้นเศรษฐกิจ สร้างงาน หรือต่อยอดให้คนไทยมีโอกาสสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นได้ การลงทุนต่างๆ ของภาครัฐก็โถมกันไปลงที่โครงการอีอีซี หวังเป็นสรณะว่าจะดึงการลงทุนต่างๆ มาได้ แต่พังไม่เป็นท่า ใช้เงินไปมหาศาลแต่ไม่เข้าใจการเจรจาธุรกิจกับต่างชาติ ไม่สามารถดึงดูดการลงทุนได้ดั่งตั้งใจ

มิหนำซ้ำทุนในไทยต่างๆกลับไหลออก ย้ายการลงทุนไปประเทศเพื่อนบ้านจำนวนมาก สร้างปัญหาธุรกิจปิดตัว แรงงานตกงานกันพัลวัน พอถึงคราวยิ่งใกล้หมดวาระการบริหาร ต้องเตรียมเลือกตั้งใหม่ กลับทำได้เพียงออกแพ็กเกจเตรียมหาเสียง เช่น การปรับขึ้นค่าแรงเล็กๆน้อยๆ ที่ไม่เป็นไปตามที่หาเสียงไว้ เรียกได้ว่านโยบายไม่ตรงปก หรือการเตรียมเปิดให้ลงทะเบีบนบัตรคนจนรอบใหม่ในเดือนก.ย.นี้ เพราะหวังลมๆแล้งๆว่าประชาชนจะชอบใจ จะทำให้พรรครัฐบาลกอบโกยคะแนนเลือกตั้งรอบหน้าจากฐานผู้มีรายได้น้อย ที่รัฐบาลย่ำยีมาตลอดเกือบ 4 ปีได้

“หากพรรคเพื่อไทยบริหารประเทศ ทุกวันนี้เราจะเร่งสร้างรายได้ ลดรายจ่ายและขยายโอกาสให้ประชาชน เรามีนโยบายที่พร้อมจะเปิดตัวทยอยสื่อสารกับประชาชน มั่นใจได้ว่าทุกนโยบายทำได้จริง เพราะการคิดอย่างรอบคอบและสร้างสรรค์ก่อนทำเป็นนโยบายหาเสียง และทำให้ได้ตามที่สัญญากับประชาชนไว้ คือสิ่งที่เรายึดมั่นและได้รับการยอมรับจากประชาชนมาตลอด” นายชนินทร์ กล่าว








Advertisement

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน