“อดีต กกต.” ชี้ช่อง ศาลรธน.เบิกความ กรธ.ทุกคนให้ความเห็นเจตนารมณ์ ม.158-264 คลายปมวาระ 8 ปี “ประยุทธ์” เปรียบบ้านมีปัญหาต้องถามคนก่อสร้าง

วันที่ 12 ก.ย. 2565 นางสดศรี สัตยธรรม อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และอดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2550 กล่าวกรณีพิจารณาวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า จะเห็นได้ว่าคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ทั้ง 20 คน ยังลงความเห็นไม่เหมือนกัน ทั้งจากการให้สัมภาษณ์ และการชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นการชี้ข้อสำคัญในคดีและข้อขัดแย้งดังกล่าว พยานบุคคลยังมีความสับสนกันอยู่

ทั้งนี้ เหมือนกรณีการสร้างบ้าน เมื่อบ้านเกิดปัญหา คนให้คำตอบได้ดีที่สุดคือช่างที่ก่อสร้างบ้าน ซึ่งในกรณีนี้คือ กรธ. ดังนั้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนน่าจะให้ กรธ.ทั้ง 20 คนเป็นพยานศาลในการให้การ ว่าเหตุผลอะไรถึงบัญญัติมาตรา 158 เรื่องวาระดำรงตำแหน่งนายกฯ และมาตรา 264

นางสดศรี กล่าวอีกว่า การที่ กรธ.ไปให้การต่อศาลน่าจะเกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่าย ศาลจะได้รับฟังเจตนารมณ์จากผู้ร่างรัฐธรรมนูญ น่าจะเกิดผลดีกว่าที่จะต้องไปตีความ หาก กรธ.ชี้แจงต่อศาลเองน่าจะดีที่สุด จะทำให้เข้าใจว่าทำไมศาลรัฐธรรมนูญถึงมีคำวินิจฉัยในทางใดทางหนึ่ง และจะต้องเป็นการพิจารณาโดยเปิดเผย

ทั้งนี้ การเบิกความคงกินเวลาไม่มาก เนื่องจากอธิบายเพียงมาตรา 158 มาตรา 264 และมาตราที่เกี่ยวข้องโดยตรง นอกจากนั้น ยังเชื่อว่าในการประชุม กรธ. น่าจะมีการบันทึกเทปไว้ ดังนั้น การถอดเทปการประชุมประกอบกับการเบิกความ กรธ. น่าจะยิ่งเกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

“น่าจะเป็นผลดีและเป็นการเคลียร์ข้อกฎหมายนี้ได้ชัดเจนจากผู้ยกร่างเอง โดยศาลไม่ต้องไปตีความอะไรเลย แต่ให้ผู้ร่างรัฐธรรมนูญชี้แจงเหตุผลในการบัญญัติกฎหมาย เพราะรายงานการประชุมเป็นเพียงบทสรุป สู้รายงานจากปากของผู้ร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้” นางสดศรี กล่าว

นางสดศรี กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ ไม่ใช่การชี้นำศาล แต่วิธีการปฏิบัติในกรธ.ทำมาอย่างนี้ คือ แต่ละมาตราจะพูดกัน หากเห็นไม่ตรงกันก็จะลงมติ เสียงข้างมากว่าอย่างไรก็จะเป็นไปอย่างนั้น แต่พอเกิดปัญหาแล้วมีคนไปพูดอีกอย่างหนึ่ง ทำให้ประชาชนสับสน และไม่แน่ใจในคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ หากศาลสามารถให้ กรธ.อธิบายเจตนารมณ์ของกฎหมายก็จะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อส่วนรวมและประชาชน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน