ปลัดมท.-ผบ.ตร.นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกแนวทางแก้ไขปัญหายาเสพติด เน้นย้ำประกาศสงครามยาเสพติด ขีดเส้น 31 ต.ค.ต้องมีข้อมูลผู้เสพ-ผู้ค้า เพื่อวางแผนแก้ทั้งระบบ

เมื่อวันที่ 10 ต.ค.2565 ที่กระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานร่วมการประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์โศกนาฏกรรม จ.หนองบัวลำภู ส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหายาเสพติด จึงต้องมาร่วมกันพูดคุยกำหนดมาตรการ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมในการแก้ไขปัญหา ทั้งในเชิงป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษา ทั้งนี้ จากการสำรวจความเดือดร้อนของประชาชนในการแก้ไขปัญหาความยากจนด้วยแพลตฟอร์ม ThaiQM ของกรมการปกครอง พบว่า มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากปัญหายาเสพติดสูงถึง 279,094 ครัวเรือน ใน 31,744 หมู่บ้าน

นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง ขีดเส้นตายว่า ภายในวันที่ 31 ต.ค. เราจะมีข้อมูลผู้เสพผู้ค้ายาเสพติดทั่วประเทศในเบื้องต้น เพื่อนำมาใช้วางแผนการแก้ไขปัญหาร่วมกับภาคีเครือข่าย ทั้งฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ทหาร ป.ป.ส. และสาธารณสุข เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล สนธิและกรองข้อมูลอีกชั้นหนึ่งในระดับพื้นที่

โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ เป็นแม่งาน ในการค้นหาผู้ที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดทุกตำบล หมู่บ้าน ทั้งผู้ใช้ ผู้เสพ และผู้ค้า ด้วยการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนร่วมกับฝ่ายบ้านเมือง ดำเนินมาตรการปราบปราบควบคู่กับการค้นหาข้อมูล

กระทรวงมหาดไทย จะรวบรวมข้อมูลจากพื้นที่ที่มีการดำเนินการปราบปราบยาเสพติด มาเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้กับสังคม เพื่อสร้างความมั่นใจกับประชาชนว่าเราไม่นิ่งนอนใจ และเอาจริงเอาจัง เพื่อให้เกิดความร่วมมือของประชาชนในการให้ข้อมูลกับฝ่ายบ้านเมืองเพิ่มขึ้น ไม่ว่าเป็นการจับกุม 1 เม็ด 2 เม็ด สามารถแจ้งข้อมูลได้ทั้งหมด

นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้ประสานทุกจังหวัดและอำเภอ สร้างความเข้าใจกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทุกแห่ง ในการให้การสนับสนุนด้านวัสดุอุปกรณ์ เพื่อใช้ตรวจหาสารเสพติด ซึ่งมีระเบียบกระทรวงมหาดไทยรองรับภารกิจของ อปท.ในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว

ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) บูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย วางมาตรการกวาดล้างผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างจริงจัง เพราะปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ จากสถิติพบว่าปัจจุบันสถานการณ์ผู้เสพยาเสพติดมีแนวโน้มเพิ่ม และมีผู้เสพจำนวนมากยังไม่ได้เข้ารับการบำบัดในทางสาธารณสุข








Advertisement

มีกลุ่มผู้เสพที่เกิดอาการทางจิตเวช มีภาวะคุ้มคลั่ง ทำร้ายร่างกายบุพการี คนใกล้ชิด และพี่น้องประชาชน ซึ่งตร.ได้สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และผู้กำกับการสถานีตำรวจทั่วประเทศ ต้องเข้าไปเยี่ยมชุมชนบ่อยครั้ง เพื่อสร้างความสัมพันธ์และความเชื่อมั่น อันจะเกิดความร่วมมือจากประชาชน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า แม้เราจะทำงานในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดหนักเพียงใด จะจับได้กี่ล้านเม็ด ถ้ายังไม่เป็นที่พึงพอใจของประชาชน ก็ถือว่าประเมินไม่ผ่าน ต้องยึดเอาความพึงพอใจของประชาชนเป็นหลัก เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ต้องค้นหาให้เร็ว เพื่อจะได้แก้ปัญหาด้วยกัน นอกจากจะมีคณะกรรมการชุดใหญ่แล้ว ต้องจัดตั้งคณะอนุกรรมการย่อย 3 ส่วน คือ คณะอนุกรรมการป้องกัน มีกระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลัก

คณะอนุกรรมการปราบปราม มีตร. ศาล อัยการ เป็นหน่วยงานหลัก และคณะอนุกรรมการบำบัดรักษา มีกระทรวงสาธารณสุข เป็นหน่วยงานหลัก โดยทุกส่วนต้องทำงานในลักษณะบูรณาการแต่ละหน่วย ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าจะต้องกวาดล้างยาเสพติดในวงการตำรวจ ด้วยความร่วมมือและบูรณาการระดับพื้นที่ร่วมกันอย่างจริงจัง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาประสบความสำเร็จอย่างจริงจังและยั่งยืน

นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวว่า ปี 2566 เราเตรียมความพร้อมดำเนินการตามนโยบายชาติ แผนปี 2566-2570 โดยแนวทางการดำเนินการมี 6 นโยบาย และแผน 45 แนวทาง อาทิ การป้องกัน ปราบปราม การยึด-อายัดทรัพย์สิน การบำบัดรักษา และความร่วมมือระหว่างประเทศ นโยบายและแผนในการบริหารจัดการ รวมถึงการเตรียมการดำเนินการกับผู้เสพยาเสพติดที่มีอาการทางจิต

โดย ป.ป.ส.ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีข้อสรุปแนวทาง คือ 1.ต้องปิดล้อมตรวจค้นเพื่อมุ่งหาข้อมูลเป้าหมาย โดยดำเนินการหาทั้งผู้เสพ ผู้ค้า และผู้หลบหนีหมายจับ รวมทั้งขยายผลยึดทรัพย์สินผู้ที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ 2.การดำเนินการตามข้อร้องเรียน เพื่อเป็นข้อมูลสนับสนุนการดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นและวางเป้าหมายการดำเนินการ

3.การขยายผล ภายหลังจากการกระทำความผิด เพื่อหาที่มาและเบื้องหลัง 4.การบูรณาการการทำงานร่วมกัน โดยมี ป.ป.ส.เป็นแกนกลาง 5.ข้อมูลต่างๆ ที่แต่ละหน่วยมีอยู่ ต้องมาบูรณาการดำเนินการร่วมกัน 6.การจับกุมบุคลากรของรัฐที่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดทุกกรณี และ 7.การบริหารจัดการด้านงบประมาณ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน