“กมธ.การเงิน” ห่วง เปิดเสรีบุหรี่ไฟฟ้า หลังพบเจาะตลาดวัยรุ่น ชี้ เลิกยากกว่าบุหรี่ธรรมดา ด้าน ประธานมูลนิธิฯ จี้เอาให้ชัดเรื่องการเปิดขาย
เมื่อเวลา 13.15 น. วันที่ 3 พ.ย. 2565 ที่รัฐสภา นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเงิน การคลัง สถาบันการเงิน และตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา มีผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น โดยผู้จำหน่ายตั้งใจเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ที่มีอายุตั้งแต่ 15-19 ปี ความจริงแล้วบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ช่วยลดการสูบบุหรี่ แต่อาจทำให้ติดบุหรี่มากขึ้น
นายพิสิฐ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยยังไม่ยอมรับมาตรา 15 ของพิธีสารที่เกี่ยวกับการรณรงค์ไม่ให้สูบบุหรี่ ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขชี้แจงว่า ในกระบวนการได้มีมติเรียบร้อยแล้ว แต่รออยู่ที่กระทรวงการคลัง จึงอยากเรียกร้องให้กระทรวงการคลังดูแลเรื่องนี้โดยเร็ว เพื่อที่ประเทศไทยจะได้เป็นภาคีที่ลงนามในพิธีสาร มาตรา 15 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่จะทำให้การรณรงค์การไม่สูบบุหรี่มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
“ขณะนี้ผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ในต่างประเทศ ได้แฝงเข้ามาในรูปแบบต่างๆ กมธ.บางส่วนมีข้อเสนอว่าให้เปิดเสรีทางด้านของบุหรี่ไฟฟ้า ทางด้านกรมสรรพสามิตก็เสนอหาวิธีเก็บภาษี เพื่อทำให้การสูบบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย ซึ่งทางเราเห็นว่าไม่ถูกต้อง” นายพิสิฐ
ด้านศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นเรื่องที่เรากังวลอย่างมาก สัปดาห์ที่แล้วองค์การอนามัยโลกภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ประชุมร่วมกัน ปรากฏว่าทุกประเทศเจอปัญหาแบบเดียวกัน คือ การระบาดของบุหรี่ที่เพิ่มขึ้น
โดยส่วนใหญ่เป็นเยาวชนที่ไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อน ซึ่งมีแนวโน้มที่น่าเป็นห่วง เพราะนิโคตินบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ธรรมดาเป็นตัวเดียวกัน แต่บุหรี่ไฟฟ้าเลิกยากกว่าบุหรี่ธรรมดา จากการที่ไม่มีกลิ่นเหม็นและความเข้าใจว่าอันตรายน้อยกว่า แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยัน
ประธานมูลนิธิฯ กล่าวต่อว่า ฝ่ายธุรกิจที่บอกว่าเปิดให้ขายแล้วจะเก็บภาษีได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันเขาก็บอกเก็บภาษีต่ำๆ หรือบางคนบอกว่าเปิดให้ขายแล้วจะได้ควบคุมได้ ความจริงคือในจำนวนคนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า มี 85% สูบบุหรี่ไฟฟ้าที่มีการเติมกลิ่น เติมรส และในอเมริกาก็ยังออกกฎหมายสำหรับการสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่มีการเติมกลิ่น เติมรสได้ไม่สำเร็จ
หากเราเปิดขายบุหรี่ไฟฟ้าวันนี้ ตนไม่เห็นด้วยกับการให้เติมกลิ่นและรส เพราะลูกค้าเป็นวัยรุ่นทั้งนั้น ซึ่งหากเปิดให้ขายชนิดที่ไม่มีกลิ่น บุหรี่ไฟฟ้าที่ให้เติมกลิ่นและรสก็จะอยู่ในตลาดมืด ตรงนี้อยากให้มีความชัดเจน แต่หากจะเปิดให้มีการขายได้ เพื่อที่จะเพิ่มภาษี เราก็ต้องตอบลูกหลานให้ได้ว่า เราสิ้นปัญญาหรือ ถึงเปิดให้ขายในสิ่งที่จะทำให้เขาเสพติดไปตลอดชีวิต เพื่อหาเงินจากวัยรุ่น สิ่งที่เราควรรีบทำคือต้องให้ความรู้แก่เยาวชน
