“ประวิตร” ย้ำเข้ม ปราบค้ามนุษย์ สั่งเด็ดขาด เยียวยาเหยื่อ ตั้งเป้าปี 2566 ขยับขึ้นเทียร์ 1 สร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศไทย
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 9 ธ.ค. 2565 ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) ครั้งที่ 3/2565 มีตัวแทนหน่วยงานเกี่ยวข้อง เข้าร่วม
โดยที่ประชุมคณะกรรมการปคม. เห็นชอบร่างรายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของไทย ประจำปี 2565 และกรอบเวลาการจัดทำรายงาน ที่มีผลการดำเนินงานด้านการดำเนินคดี การบังคับใช้กฎหมาย การช่วยเหลือคุ้มครอง และการป้องกัน
โดยแต่งตั้ง พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชารยะ ให้เป็นประธานอนุกรรมการร่วมว่าด้วยการขับเคลื่อนศูนย์ความเป็นเลิศ เพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ระหว่างไทย-ออสเตรเลีย (ฝ่ายไทย) เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และบรรลุเป้าหมาย ตามข้อตกลงร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย
รวมถึงรับทราบรายงานความคืบหน้าการจัดตั้งศูนย์คัดแยกผู้เสียหาย (ดอนเมือง) โดยปรับปรุงอาคารศูนย์ฝึกอบรมฯ และพัฒนาระบบศูนย์คัดแยกฯ ที่จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รับทราบผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนกลไกการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism :NRM) และรับทราบกรณีที่เอฟบีไอ (FBI) สนับสนุนการฝึกอบรมหัวข้อ “การสืบสวนสอบสวนกรณีการค้ามนุษย์” เพื่อเสริมสร้างศักยภาพเจ้าหน้าที่ของไทย 32 คน ระหว่างวันที่ 10-21 ต.ค. ที่ผ่านมา
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.)
จากนั้น พล.อ.ประวิตร เป็นประธานคณะกรรมการประสานและกำกับการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปกค.) ครั้งที่ 5/2565 โดยที่ประชุมเห็นชอบปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญระดับชาติ และคณะกรรมการผู้ชำนาญการระดับภาค หรือระดับหน่วยงาน และการขยายระยะเวลาการดำเนินงานจาก 60 วัน เป็น 90 วัน รวมทั้งเห็นชอบให้ปรับปรุงองค์ประกอบคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจกำกับ และติดตามการดำเนินงานช่วยเหลือและเยียวยาผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ตามหลักมนุษยธรรม
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ อย่างเข้มข้น ต่อเนื่อง ควบคู่การให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหาย เพื่อแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย และให้สหรัฐฯ เห็นถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจของไทยต่อการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อชาวโลก รวมถึงการที่ไทยมีความพยายาม ยกระดับขึ้นเป็น เทียร์ 1 ในปี 2566 ต่อไป
