‘ประวิตร’ ย้ำพร้อมเป็นนายกฯ ยันสัมพันธ์ 3 ป.แน่นปึ้ก ไม่มีอะไรมาแยกได้ เผยอยากแก้ปัญหาความยากจน ทำให้ประเทศก้าวหน้า

เมื่อเวลา 19.15 น. วันที่ 30 ม.ค. 2566 ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ กรุงเทพฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์พิเศษในงานระดมทุนถึงที่มาของคำว่า ใช้ใจบันดาลแรง ว่า เนื่องจากสังขารตนร่วงโรยมามาก ต้องอาศัยจิตใจ ต้องเอาใจบันดาลแรง เพื่อให้มีกำลังใจ มีแรงทำงานต่อไป ทำให้ใจมาก่อน แล้วแรงมาทีหลัง ตอนพูดไปก็รู้สึกใจฟู

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ตอบคำถามที่หลายคนติดใจเมื่อถูกสื่อมวลชนถามแล้วตอบว่า ไม่รู้ๆ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า ไม่รู้ ไม่มีแล้ว และที่ตอบว่าไม่รู้คือไม่รู้จริงๆ แต่ความจริงอาจจะรู้ ที่ตอบว่าไม่รู้เพราะมีผู้ที่รู้มากกว่า ตนต้องให้คนที่รู้มาแนะนำสั่งสอนว่าทำงานอย่างไร จะได้รู้เท่ากับคนที่รู้ คนที่รู้มีอยู่รอบตัวตนเต็มไปหมด จะได้นำความรู้มาใส่ตัวตนเท่าที่จะทำได้ วันนี้รู้แล้ว พร้อมแล้ว

เมื่อสอบถามว่าสามารถสอบถามเรื่องส่วนตัวได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “เอาเลย อยากถามอะไรก็ถามเลย วันนี้ผมเป็นตัวของตัวเอง” จากนั้น พล.อ.ประวิตร เปิดเผยว่า ชีวิตสมัยเป็นทหารกับการเป็นนักการเมืองเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่เรียกว่าตกกะไดพลอยโจนก็ได้ ที่ผ่านมาอยู่ในกองทัพบกมาโดยตลอด พยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อให้กองทัพบกเจริญรุ่งเรือง พอเกษียณอายุราชการก็ถูกเชิญไปเป็น รมว.กลาโหม 3 ปี ก่อนจะมีโอกาสเข้ามาเป็นรองนายกฯ และรมว.กลาโหม

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ตนไม่ค่อยทราบว่าจะต้องทำอย่างไร แต่ประสบการณ์ที่ได้ทำงานร่วมกับนักการเมืองกว่า 10 ปี ทำให้พอทราบว่าเป็นอย่างไร ยืนยันว่าเคารพทุกคน เพราะในชีวิตการทำงานผ่านศึกสงครามมามาก แต่พยายามทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อกองทัพ และประชาชนมาโดยตลอด

เมื่อถามว่าชีวิตประจำวันพล.อ.ประวิตร ชอบทำอาหารใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนทำอาหารมาตลอดอยู่แล้ว ทำเลี้ยง 3 ป. มาตลอด รวมถึงทำให้กองทัพ ตนทำผัดซีอิ๊ว ราดหน้า เก่งมาก สามารถเปิดร้านขายได้ ใครจะพาไปเปิดก็เอาไปได้ รวมถึงเมนูข้าวหน้าไก่ อร่อยขนาดที่ร้านดังก็สู้ไม่ได้ เคยทำให้ 3 ป.กิน คือ ต้มเนื้อ กะเพราเนื้อ ไข่เจียว ก๋วยเตี๋ยว ทำให้ตั้งแต่หนุ่มๆ ตอนนี้แก่แล้ว

เมื่อถามถึงความสัมพันธ์กับ 3 ป. พล.อ.ประวิตร ตอบว่า อยู่ด้วยกัน 3 คนมายาวนานตั้งแต่ตนเป็นผบ.ร้อย ร่วมแรงร่วมใจกันทำงานเพื่อประเทศชาติและกองทัพมาโดยตลอด เติบโตด้วยกันมา กระทั่งตนเป็นผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า เมื่อตนออกจากดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ก็เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 พล.อ.อนุพงษ์เป็นผู้ช่วยผบ.ทบ. ส่วนตนดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม เคยอยู่บ้านเดียวกัน นอนห้องเดียวกัน 3 คน รวมกับเพื่อนอีกคนเป็นพล.อ. เรียกได้ว่ามีความสนิทสนมเป็นกันเองอย่างพี่อย่างน้อง ไม่มีอะไรแยกจากความเป็นพี่เป็นน้อง นักการเมืองจะไปคนละทาง แต่ก็แยกเฉพาะการเมือง เพราะการเมืองอาจเห็นไม่เหมือนกันได้








Advertisement

เมื่อถามถึงเคล็ดลับในการเอาใจลูกน้องคืออะไร เอามาใช้กับการเมืองได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า สิ่งที่ตนใช้มาโดยตลอดจนถึงทุกวันนี้ คือความจริงใจ ทำอะไรก็จะบอกโดยไม่โกหก พูดตรงไปตรงมา ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมาโดยตลอด ตนตั้งใจและจริงใจต่อทุกคนไม่ว่าใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนฝูงพี่น้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ว่าพูดอะไรไปนั่นคือคำพูดจากใจของตน

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า สำหรับสิ่งที่อยากจะแก้ไขที่สุดคือเรื่องปัญหาความยากจนทั้งชาวนาชาวไร่เกษตรกร คนหาเช้ากินค่ำ เป็นกลุ่มที่เราต้องดูแลให้อยู่ให้ได้ เพื่อให้ประเทศก้าวหน้าต่อไป

เมื่อถามถึงฮีโร่ในดวงใจ พล.อ.ประวิตร ตอบด้วยความมั่นใจว่า คือคุณแม่ของตนที่สามารถเลี้ยงลูกชาย 5 คน ได้ดีหมดทุกคน และมีความสุข ทุกวันนี้มีความเจริญรุ่งเรือง ทุกคนมีอาชีพที่ดี ความเป็นอยู่ที่ดีทุกคน

เมื่อถามว่าวันนี้พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ถ้าถามว่าผมพร้อมไหม ผมก็ต้องพร้อม แต่จะได้หรือไม่ได้อยู่ที่ประชาชน ถ้าประชาชนเลือก ผมก็พร้อมและยินดีที่จะทำ แต่ถ้าไม่เลือก ผมก็กลับบ้าน”

ในช่วงท้าย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “วันนี้รู้แล้ว พร้อมแล้ว ผมพร้อม พร้อมที่จะเป็นนายกฯ แต่อยู่ที่คนเลือกนะครับ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน