เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่12 ก.พ. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานงานวันสิทธิมนุษยชนสากลและกล่าวปาฐกถาพิเศษเพื่อประกาศ “วาระแห่งชาติ: สิทธิมนุษยชนร่วมขับเคลื่อน Thailand 4.0 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน”โดยมี ผู้เข้าร่วมงานกว่า 300 และ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตองรองนายกฯ และ รมว.ยุติธรรม เป็นผู้รายงาน ว่า การประกาศวาระแห่งชาติ มีมุ่งหมายสำคัญ 4 ประการประกอบด้วย 1.การส่งเสริมนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ให้ขับเคลื่อนไปได้ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ 2.รัฐบาลมีเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจังผ่านทางรัฐธรรมนูญในมาตราสี่ที่กล่าวถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์สิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครองทั้งนโยบายของรัฐบาลข้อสอง การรักษาความมั่นคงของรัฐและการต่างประเทศเกี่ยวกับการสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมตามหลักนิติธรรมและสิทธิ์มนุษยชน 3.เป็นการแสดงเจตนารมณ์ความมุ่งมั่นร่วมมือกันกับคนในชาติในการส่งเสริมสนับสนุนและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน 4.เป็นการเพิ่มศักยภาพการขับเคลื่อนแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติฉบับที่สามซึ่งจะหมดวาระลงในปี 2561 เป็นการวางรากฐานประกาศให้ 10 ใช้แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในฉบับที่ 4

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัจจุบันเรื่องสิทธิมนุษยชนทุกประเทศให้ความสำคัญ โดยเฉพาะองค์กรระหว่างประเทศ เพราะเป็นหลักการสากลที่ทั่วโลกยอมรับ ที่จะช่วยให้เกิดสันติภาพ มีความเจริญก้าวหน้าต่อมวลมนุษยภาพ แต่ยอมรับว่ายังมีปัญหาอยู่บ้างที่ทุกคนจะต้องร่วมมือกันขับเคลื่อนและดำเนินการต่อไปให้ได้ แม้ว่ารัฐบาลนี้จะเข้ามาอยู่ในช่วงเวลาที่จำกัด แต่ก็พยายามที่จะเริ่มต้นแก้ไข ขจัดอุปสรรคต้างๆโดยเร็วที่สุดให้เป็นไปตามหลักสากล รัฐบาลไทยมีเจตนารมณ์และมุ่งมั่นในการส่งเสริมคุ้มครองสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับนานาประเทศ รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทยด้วยกัน เพื่อให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ประเทศเกิดความสงบสุข ทุกคนมีความรักความสามัคคี รู้สิทธิหน้าที่ รู้กฎหมาย เคารพสิทธิซึ่งกันและกัน โดนไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น

“เราต้องพูดให้ครบ เรื่องการมีสิทธิเสรีภาพ เราจะต้องไม่ไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ถือเป็นเรื่องสำคัญ จะต้องคำนึงถึงหลักปฏิญญาสากล สิทธิมนุษยชนในฐานะที่เราเป็นสมาชิกภาคีขององค์การสหประชาชาติ โดยเรามีสนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน ที่ผ่านมารัฐบาลปัจจุบันไม่เคยละเลยการดำเนินการด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งรัฐธรรมนูญก็มีการกล่าวไว้อย่างชัดเจน และทุกวันนี้เรามักไปอ้างในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายหลักของประเทศ แต่อย่าลืมว่าเรายังมีกฎหมายลูกอีกจำนวนมากภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะเรื่องสิทธิเสรีภาพ เรามีพ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องหลายฉบับจึงขอความกรุณาช่วยศึกษากันให้รอบครอบด้วยไม่เช่นน้ันความขัดแย้งจะเกิดขึ้น เพราะกฎหมายลูกจำนวนมากไม่ได้รับการปฏิบัติ โดยอ้างกฎหมายหลักเพียงฉบับเดียวถือว่าไม่ถูกต้อง ซึ่งทุกประเทศก็คงเป็นเช่นนี้ เพราะแต่ละประเทศก็มีกฎหมายเป็นของตัวเอง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี 2560 มีนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ มีการประเทศกฎหมายหลายฉบับ การประกาศใช้แผ่นสิทธิมนุษยชนแห่งชาติฉบับที่ 3 ส่งเสริมและคุ้มครองศักดิศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน ซึ่งมีหลายกลุ่มหลายฝ่ายที่ต้องคุ้มครองทั้งหมด เจ้าหน้าที่ก็ต้องได้รับการคุ้มครองด้วย จะทำงานข้างใดข้างหนึ่งอย่างเดียวก็ไปไม่ได้ทั้งหมด ทุกคนต้องอยู่ร่วมกัน ตนไม่ต้องการให้กฎหมายเป็นเครื่องมือที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง หรือทำให้เกิดความไม่เข้าใจ เกิดความสับสนอลมานในประเทศของเรา และทั่วโลก ดังนั้นเจ้าหน้าที่และประชาชนต้องร่วมมือกันลดความขัดแย้งที่เกิดจากกฎหมายให้ได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เราประกาศยกระดับสิทธิมนุษยชนให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศไม่ใช่เป็นเรื่องความขัดแย้ง สร้างความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรม ปัจจุบันโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็นโลกยุคใหม่ การประกอบธุรกิจจะต้องคำนึงถึงหลักสำคัญ 3 ประการ คือ เคารพ คุ้มครอง และเยียวยา ถ้าสามารถดำเนนิการควบคู่ไปกับการพัฒนาประเทศได้เท่ากับเป็นการเพิ่มศักยภาพ และขับเคลื่อนแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 3 ซึ่งใกล้หมดอายุในปีเดียวกันนี้ และจะมีการประกาศเริ่มในฉบับที่ 4 ต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน