โรม ขู่จัดหนักซักฟอก เปิดแผลทุจริต มั่นใจหลักฐานเอาผิดรัฐบาลได้ ฉะ เล่นเกมล่มประชุม ลั่น พร้อมอภิปรายนอกสภา เพื่อทำหน้าที่ ยอมถูกดำเนินคดี

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 ก.พ. 2566 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ว่า การอภิปรายครั้งนี้เป็นการอภิปรายครั้งสุดท้าย หากพูดตามกฎหมายจะเป็นเหมือนการซักถามทั่วไปในประเด็นปัญหาต่างๆ ให้รัฐบาลตอบ แต่เมื่อมาอยู่ในช่วงเวลาก่อนเลือกตั้ง เราก็ยกระดับเป็นระดับเดียวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และทำอย่างเต็มที่ในการขุดคุ้ยข้อมูลต่างๆ

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ในส่วนของตนได้เตรียมข้อมูลไว้เยอะ เกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชัน และเกี่ยวพันกับการบริหารงานที่ไม่ชอบ รวมไปถึงความล้มเหลวในทุกๆ ด้านของรัฐบาล ตนใช้เวลาในการเตรียมข้อมูลประมาณ 4 เดือน ค่อนข้างมั่นใจว่า มีหลักฐานที่ชัดเจนในการเอาผิดกับรัฐบาลได้ และคงไม่จบแค่การซักฟอก เราเตรียมข้อมูลไว้ดำเนินการตามกฎหมายอีกหลายส่วนที่เกี่ยวข้อง

เมื่อถามกรณีฝั่งรัฐบาลระบุหากอภิปรายเหมือนอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะเสนอให้นับองค์ประชุม เพื่อให้การประชุมไม่สามารถดำเนินไปได้ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างนั้นไปทำไม เพราะที่ผ่านมาการอภิปรายทั่วไปก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร การที่ฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบได้ดีก็เป็นประโยชน์กับประชาชน ในเมื่อเป็นประโยชน์กับประชาชน รัฐบาลไม่อยากทำหน้าที่นี้ ตกลงรัฐบาลต้องการอะไร ไม่อยากให้ประชาชนทราบข้อมูลของการทุจริตคอร์รัปชั่นใช่หรือไม่

“หากเป็นเช่นนั้นแสดงว่ารัฐบาลกำลังจะยอมรับว่า ตัวเองมีแผลเหวอะหวะเต็มตัว และกลัวประชาชนจะทราบจึงได้พยายามปิดปากพวกเรา ผมอยากให้สภาเป็นเวทีที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้มีโอกาสพูด เราไม่อยากให้ใช้เวทีนี้ปิดปากใคร ถ้ารัฐบาลชี้แจงดี ประชาชนก็จะเลือกคุณ ในทางกลับกัน หากฝ่ายค้านทำหน้าที่ในการซักฟอกไม่ดี ประชาชนก็ไม่เลือกฝ่ายค้าน ดังนั้น คนที่เรานำมาซักฟอกในครั้งนี้ จึงเป็นคนที่เรามั่นใจว่าเต็มไปด้วยบาดแผล และไม่เหมาะสมที่จะบริหารประเทศในวันนี้และในอนาคต”

เมื่อถามว่า มีคนมองว่านำข้อมูลเก่ามาอภิปรายหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า รอดูได้เลย ตนก็เห็นรัฐบาลพูดแบบนี้ตลอด แต่ทุกครั้งที่มีการนำเสนอ ตนก็ไม่เห็นรัฐบาลจะตอบอะไรได้เลย เช่น กรณีตั๋วช้าง ดังนั้น หลายหลักฐานที่เราเปิด และโดนปรามาสว่าไม่มีข้อมูลใหม่ นำข้อมูลเก่ามาพูด ทุกครั้งรัฐบาลก็พูดอย่างนี้ และสุดท้ายก็หน้าชากันไป ดังนั้น จะปรามาสก็ได้ แต่อย่ามาห้ามเราพูดก็แล้วกัน

เมื่อถามว่า หากสภาล่มจะไปอภิปรายนอกสภาหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เบื้องต้นเราต้องทำให้สภาไม่ล่ม และพยายามให้การอภิปรายดำเนินไปได้มากที่สุด แต่สุดท้ายหากล่มจริงๆ เราก็เตรียมแผนสำรองเอาไว้ ซึ่งไม่มีใครอยากจะไปอภิปรายนอกสภา ทุกคนอยากทำหน้าที่ในสภา และเราถือว่าการที่สภาล่มและต้องไปอภิปรายนอกสภา เป็นส่วนหนึ่งของการทำหน้าที่ ในท้ายที่สุดหากต้องถูกดำเนินคดี ก็ถือว่าเป็นการทำหน้าที่ของเรา ตนก็ไม่ได้อยากติดคุกและถูกดำเนินคดี แต่ในเมื่อเราไม่สามารถทำหน้าที่ตรงนี้ในสภาได้ ก็คงทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน