ชลน่าน แถลงเปิดญัตติอภิปราย 152 อัดรัฐบาล ทำประเทศสูญเสียโอกาส บริหารล้มเหลว เกิด ‘ธนกิจการเมือง’ ใช้เงินรักษาอำนาจตัวเอง

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 15 ก.พ.2566 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 โดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และผู้นำฝ่ายค้านในสภา เปิดอภิปรายแถลงญัตติภายใต้ยุทธการ กระชากหน้ากากคนดีว่า การบริหารราชการแผ่นดินภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไม่ได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา

โดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วน 12 ประการ ที่ไม่ได้ปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม สังคมเกิดความเหลื่อมล้ำ ปัญหาประมงพื้นบ้านยังไม่ได้รับการแก้ไข ขณะที่ประมงระดับชาติก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จากการตราพระราชกำหนดของรัฐบาล การยกระดับราคาสินค้าเกษตรไม่บรรลุผล ปัญหาการทุจริต ยาเสพติดเพิ่มมากขึ้น

การดำเนินการเพื่อให้แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญขาดความจริงใจ การบริการประเทศของครม. ไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศเป็นที่ตั้ง มีการก่องบประมาณหนี้สาธารณะจำนวมหาศาล ทำให้การบริหารเศรษฐกิจล้มเหลวสิ้นเชิง เกิดเป็น “ธนกิจการเมือง” ที่มีการใช้เงินให้ได้มาเพื่อรักษาไว้ซึ่งอำนาจทางการเมือง โดยไม่คำนึงถึงความชอบธรรม

การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีไม่เหมาะสม ไม่เป็นธรรม เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างกว้างขวาง และมีการเอื้อประโยชน์กลุ่มทุนพวกพ้อง นอกจากนี้ ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาสำคัญที่กระทบต่อความมั่นคงชีวิตประชาชน ก็ไม่ได้รับการแก้ไขปล่อยให้ยาเสพติดแพร่หลายจำนวนมาก ปัญหาบ่อนการพนันเกิดขึ้นทั่วไปโดยการรู้เห็นจากเจ้าหน้าที่รัฐ และยังล้มเหลวในการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และการแก้ปัญหาความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ระยะเวลา 3 ปีกว่า เป็นช่วงเวลาที่ประเทศสูญเสียโอกาสในการพัฒนา แต่กลับถดถอย ปัญหาของประเทศด้านต่างๆมีความทับถม และซับซ้อนยิ่งขึ้น สืบเนื่องจากขาดยุทธศาสตร์ และขาดการบริหารที่ถูกต้องของครม. รวมถึงขาดความซื่อสัตย์สุจริตในหน้าที่

ฝ่ายค้านจะอภิปรายให้เห็นตัวตนของคนดีที่ใส่หน้ากาก จะกระชากหน้ากากคนดีให้ประชาชนได้รู้ แม้จะไม่มีการลงมติในการอภิปราย แต่ขอให้ประชาชนไปลงคะแนนในคูหา จะให้คนดีอยู่ต่อหรือไม่ ประเทศต้องไปต่ออย่างมีศักดิ์ศรี มีอนาคต ไม่ใช่ไปต่อสำหรับใครบางคน เพื่อสืบทอดอำนาจ ดังนั้น สภาจึงจำเป็นต้องซักถามข้อเท็จจริงเพื่อเสนอแนะต่อครม. เพื่อให้ระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดินที่เหลืออยู่เกิดประโยชน์ต่อประเทศ และประชาชน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน