พิธา ซัด บิ๊กตู่ 8 ปี ผลาญงบ 28 ล้านล้าน ฉะ บริหารเศรษฐกิจถอยหลังลงคลอง ปลุกประชาชน ปิดสวิตซ์ 3 ป.-เอาทหารออกจากการเมือง เปิดแสงแห่งความหวัง
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 15 ก.พ.2566 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ถึงแม้ว่าการอภิปรายครั้งนี้จะลงมติไม่ได้ แต่ประชาชนจะลงมติในเวลาอีกไม่ถึง 80 วัน โดยใช้ข้อมูลในการอภิปรายครั้งนี้ประกอบการตัดสินใจก่อนเข้าคูหาเลือกตั้ง
การเลือกตั้งปี 62 ไม่มีแบบนี้ ก่อนการยึดอำนาจปี 57 ก็ไม่มีเช่นนี้ จะมีแต่สัญญาปากเปล่า สัญญาเลื่อนลอย สัญญาว่าจะมาปกครองบ้านเมือง สัญญาว่าจะมาปฏิรูป สัญญาว่าจะมาแแก้จน สัญญาว่าขอเวลาอีกไม่นาน แต่นับตั้งแต่ปี 57-66 เกือบจะหนึ่งทศวรรษ สิ่งที่ผลิดอกออกผลเป็นรูปธรรม คือ ทศวรรษที่สูญหาย ทั้งงบประมาณ เวลา และโอกาส
นายพิธา กล่าวต่อว่า สูญหายของงบประมาณ ในเกือบทศวรรษที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ใช้งบประมาณไปแล้ว 28 ล้านล้านบาท ตอนนี้ทองคำหนึ่งแท่ง 28,000 บาท เท่ากับทองคำ 1 พันล้านแท่ง ในอดีตมีคำพูดว่าประเทศไทยเอาทองคำมาปูทั้งประเทศก็ยังได้ ระบบถนนของประเทศไทย 1.8 แสนกิโลเมตร ถ้าเอาทองคำ 1 พันล้านแท่งมาปูถนน 1.8 แสนกิโลเมตร ตนจะบอกว่าไม่เกินจริง แต่ไม่ถูกต้อง ไม่เกินจริงเพราะเป็นไปแล้ว แต่ที่ถูกต้องคือสามารถใช้ทองปูถนนทั้งไปและกลับสองรอบ กับงบประมาณ 28 ล้านล้านบาท
แต่ภาพของเศรษฐกิจที่ประชาชนได้ในวันนี้ การเติบโตของจีดีพีหลังโควิด ที่ประมาณการโดยไอเอ็มเอ็ม ไทยอยู่ที่อันดับ 7 ของอาเซียน ก่อนการรัฐประหารครั้งแรกเราแข่งกับอินโดนีเซีย มาเลเซีย รัฐประหารครั้งที่สอง เราแข่งกับเวียดนาม ฟิลิปปินส์ แต่ตอนนี้เราแข่งเพื่อนำประเทศ ลาว เมียนมา กัมพูชา สภาพเศรษฐกิจของประเทศถอยหลังลงคลองขนาดไหน ในเศรษฐกิจในปี 62 พบว่าประเทศไทย รั้งท้ายอาเซียนและยังไม่ฟื้นตัวจริงจากโควิด
“นี่แค่เศรษฐกิจระดับมหภาค ยังไม่รวมเศรษฐกิจจุลภาค ประชาชนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แก่ก่อนรวย ป่วยก่อนตาย เลือกความสงบ จบที่อดอยาก มันเป็นอย่างไร นี่คือการถอยหลังลงคลองของเศรษฐกิจไทย” นายพิธา กล่าว
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล
นายพิธา กล่าวต่อว่า ความสูญหายของเวลา 8 ปี กับสัญญาปากเปล่า ที่พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่าจะมาปราบโกง คือดัชนีคอร์รัปชั่น ปี 57 อันดับคอร์รัปชั่นของประเทศไทยอยู่อันดับ 85 ปี 65 ประเทศไทยอยู่อันดับ 110 ขณะที่ประเทศเวียดนามจากเคยได้คะแนนแค่ 35 เต็ม 100 กลายมาเป็น 42 เต็ม 100 ส่วนประเทศไทยจาก 37 เต็ม 100 เหลืออยู่ 36 เต็ม 100 นี่คือเวลาในการปราบโกงที่เราเสียไปเกือบทศวรรษ แต่ไม่มีอะไรกระเตื้องขึ้นและย่ำอยู่กับที่ ในขณะที่คู่แข่งอย่างเวียดนามเดินนำหน้าเราไป และการลงทุนก็ไปอยู่ที่เวียดนามไม่ได้อยู่ในประเทศไทย
Advertisement
นายพิธา กล่าวต่อว่า การสูญหายของเวลา คือการแก้ปัญหาภัยแล้ง เมื่อ 1-2 วันที่ผ่านมา มีพรรคร่วมรัฐบาลบอกว่า มีลุง ไม่มีแล้ง ถ้าพรรคนั้นมาพรรคนี้มา ไม่มีปัญหาความยากจน คนจนหมดประเทศ ปัญหาที่ดิน แหล่งน้ำ แก้ไขได้อย่างจริงจัง ทั้งที่จริงๆ แล้วท่านก็ดูมาตลอด 8 ปี และยังไม่ใช่แค่แล้ง มีทั้งเลื่อนและลอย คือความสูญหายทางโอกาส ในการปฏิรูปสิ่งที่กระทบกับประชาชนมากที่สุด และเป็นสิ่งที่นายกฯ สามารถทำได้ดีที่สุด คือ เลื่อนการปฏิรูปตำรวจ ภาพลักษณ์ของตำรวจกับภาพลักษณ์ของประเทศ
จริงหรือไม่ที่ตำรวจมีส่วนกับทุนจีนสีเทา จริงหรือไม่ที่ตำรวจใช้ทรัพยากรของตำรวจในการนำขบวนนักท่องเที่ยวจีน จริงหรือไม่ที่ตำรวจตั้งด่านตรวจนักท่องเที่ยวไต้หวัน แทนที่ตำรวจจะพิทักษ์ราษฎรกลับกลายเป็นทำร้ายราษฎรเสียเอง ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด พนันออนไลน์ รวมถึงระบบเส้นสาย ระบบส่วย และลอยตัวเหนือปัญหาจากการปฏิรูปทหาร อะไรคือคำตอบของเรือหลวงสุโขทัยล่ม และใช้ภาษีของประชาชนใช้เครื่องบิน F-16 ไปดูแลกิจกรรมในครอบครัวทำได้จริงหรือ
นายพิธา กล่าวว่า สิ่งที่ประชาชนอยากจะเห็นจากรัฐบาล ไม่ว่าชุดนี้หรือชุดหน้าผ่านการเลือกตั้ง ทุกการเลือกตั้งคือโอกาสการเปลี่ยนแปลง คือการทำให้ประเทศไทยมีความหวังได้ ต้องทำการเมืองให้ดี ปากทองดีในอนาคต ไม่ใช่การเมืองเดิม ปากท้องเดิม อนาคตแบบเดิม ถ้าจะทำให้ปากท้องดี ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ ต้องเห็นหัวประชาชน ส่วนการเมืองดีต้องทำให้ประชาธิปไตยเต็มใบ เอาทหารออกจากการเมือง ปิดสวิตช์ 3 ป. รวมถึงแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ได้มาจากการยกร่างรัฐธรรมนูญ
นอกจากนั้น วังวนของความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดจากการนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 บังคับใช้กับประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนอายุ 14 ขวบ พร้อมกับลงโทษอย่างรุนแรง ถือเป็นทางตันของประเทศ ดังนั้น ต้องตัดวงจรของทศวรรษที่สูญหาย เป็นทศวรรษที่มีความหวัง โดยปิดสวิตช์ 3 ป. เปิดแสงแห่งความหวัง
“การอภิปรายในสภาฯ พวกผมลงมติไม่ได้ แต่ช่วง 80 วันหลังจากนี้ ประชาชนสามารถลงคะแนนในคูหาได้ ดังนั้น ขอให้พิจารณาข้อมูลจากการอภิปรายครั้งสุดท้ายของสภาฯ เพื่อให้คำตอบ ว่า จะให้อนาคตของประเทศหลังจากนี้รุ่งโรจน์ และเปลี่ยนแปลงประเทศ” นายพิธา กล่าว
