เพื่อไทย รุมสับ ประยุทธ์ ตอบคำถามฝ่ายค้านไม่ได้ ฉะหลานเอี่ยวทุนจีนสีเทา ฮั้วประมูลงานรัฐ อัดไม่ยอมรับความผิดพลาด เย้ย แค่วัวสันหลังหวะบนหลังเสือ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 21 ก.พ. 2566 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) พรรคเพื่อไทยจัดเสวนา “คำถามที่ประยุทธ์ตอบไม่ได้ ทำไมถึงอยากไปต่อ” นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การอภิปรายตามมาตรา 152 ของฝ่ายค้านเมื่อวันที่ 15-16 ก.พ. ถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์การทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร ซึ่งคนลงมติคือประชาชนที่จะพิจารณาว่า จะลงคะแนนให้ในการเลือกตั้งต่อไปหรือไม่ เราเน้นย้ำประเด็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น 4 เรื่องหลัก คือ 1.มิติทางการเมืองการปกครอง การเมืองยุคนี้เป็นประชาธิปไตยเงินสดหรือธนกิจการเมือง มีการใช้เงิน ใช้อำนาจ เพื่อให้อยู่ในอำนาจและสืบทอดอำนาจ ตั้งแต่กระบวนการจัดทำกติกา วางกติกาให้รัฐสภาเลือกนายกฯ รวมไปถึงการแจกกล้วยเพื่อให้ ส.ส.มีความเห็นร่วมกัน

2.มิติเชิงเศรษฐกิจ 8 ปีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในตำแหน่งนายกฯ การทำมาหากิน ค่าแรง ปัญหาที่ทำกิน หนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือน การกู้เงินสูงถึง 5.7 ล้านล้านบาท 3.มิติทางสังคม ประเด็นเรื่องเหมืองทองอัครา ซึ่งรัฐบาลยังไม่มีคำตอบ ปัญหายาเสพติดกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการแสวงหารายได้ การคอร์รัปชั่น การส่งส่วย อำนาจทุนจีนสีเทาที่กระทบไปถึงภาคเกษตร ให้ล้งต่างชาติมาชี้นำการขาย ทำให้เกษตรกรกินน้ำใต้ศอก 4.อาชญากรรมทางไซเบอร์บานเป็นดอกเห็ด ประชาชนได้รับผลกระทบมากจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำลายมิติเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวง

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องมีคำตอบให้สังคม แต่ตอบแบบย้อนความผิดให้รัฐบาลเดิม ต้องขอบคุณทีมพล.อ.ประยุทธ์ ที่คิดการตอบแบบนี้ ถือเป็นการทำลาย พล.อ.ประยุทธ์ โดยไม่รู้ตัว ทั้งนี้ หลานของคุณได้งานเป็นพันล้าน มาจากการแข่งขันที่แท้จริงหรือไม่ เรื่องพวกนี้คุณบอกว่าไม่เคยทุจริตสักบาท แต่คนรอบข้างตัวคุณมีรายได้มหาศาลจาก 3 แสนล้านบาทขึ้นมา 9 แสนล้านบาท เกือบสามเท่าตัวคืออะไร พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ ไม่ใช้โอกาสนี้ชี้แจงกับประชาชน ถือว่าช่วยไม่ได้ ซึ่งคะแนนในวันเลือกตั้งจะเป็นมติ มั่นใจว่าพรรคฝ่ายประชาธิปไตยจะได้คะแนนอย่างถล่มทลาย

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว

ด้านนายจาตุรนต์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยยอมรับว่าตนเองผิดพลาด หากอยู่ในอำนาจต่อจะไม่มีทางแก้ไขได้เลยใน 8 เรื่อง คือ 1.การต่างประเทศ หลังรัฐประหารประเทศไทยหาที่ยืนบนเวทีต่างประเทศไม่ได้ ประเทศไทยไม่แสดงการยอมรับกฎหมายระหว่างประเทศ จากกรณีงดออกเสียงความขัดแย้งในรัสเซีย-ยูเครน และกรณีที่ทั่วโลกมีมติให้เมียนมาคืนประชาธิปไตยโดยเร็ว ประเทศไทยที่ควรทำได้ดีในเรื่องนี้ที่สุด กลับไม่ทำและยังทำตรงข้าม ตอนนี้ไทยกลายเป็นตัวตลกในเวทีการต่างประเทศ

2.รัฐบาลไทยไม่สามารถตกลงทางการค้าเสรี หรือ FTA กับประเทศใหญ่ๆ ในรอบ 8 ปีที่ผ่านมา การดำเนินการเป็นไปแบบมะงุมมะงาหรา ภาพพจน์ประเทศตกต่ำ ไทยเสียโอกาสส่งออกมหาศาล 3.ความล้มเหลวในการดึงการลงทุนจากต่างประเทศ เนื่องจากการพัฒนาโครงการสร้างพื้นฐานล่าช้า พัฒนาคนให้มีทักษะเพื่อรู้จักใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ล่าช้า ไม่แก้ไขกติกาที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุน








Advertisement

นายจาตุรนต์ กล่าวต่อว่า 4.ทำลายหลักนิติธรรม ทำลายระบบการจัดซื้อจัดจ้างทุกระดับ ใช้อำนาจไม่ถูกต้องในการยกเลิกการดำเนินการของบริษัทต่างประเทศ การรับรองแรงงานข้ามชาติมีระบบการรีดไถเกลื่อน 5.นโยบายการคลังที่ก่อหนี้สูง 6.การทุจริตคอร์รัปชั่นในแวดวงราชการ องค์กรตรวจสอบถูกรับรองโดยวุฒิสภา 7.วางระบบการบริหารประเทศ โดยใช้ฝ่ายความมั่นคงครอบงำการบริหารราชการแผ่นดิน 8.ทำประเทศเสียหาย ขาดรายได้จากการประมงหลายแสนล้านบาท

นายจาตุรนต์ ฉายแสง

นายจาตุรนต์ ฉายแสง

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า หากพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ อีก จะไม่มีทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ และไม่สมควรจะอยู่ต่อไป ตนหาเหตุผลไม่ได้ว่าพล.อ.ประยุทธ์ ต้องการอยู่ต่อเพื่อทำอะไรในทางที่ดีให้กับประเทศ สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการ คือเวลาเคลียร์เรื่องต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องทุจริต และการใช้อำนาจในทางไม่ชอบ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ พูดเองในสภาว่า คดีทุจริตมี 300-400 คดี เกิดความเสียหายกรณีปิดเหมืองทองอัครา 40,000 ล้านบาท พล.อ.ประยุทธ์ เสพติดอำนาจ ดิ้นรนเพื่ออยู่ต่อให้ได้ มีการสร้างพรรคใหม่ ไปหาเสียงยังไม่รู้เลยว่านโยบายคืออะไร อุดมการณ์คืออะไร

“ไล่ดูแต่ละเรื่องที่ทำไว้มีแต่ติดลบ โตช้า ความเสียหายเต็มไปหมด และยังขอเวลาอยู่อีก 2 ปี บอกว่าจะพลิกโฉมประเทศ ก็เท่ากับว่ายอมรับความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยคนเดิม เมื่อก่อนลงจากหลังเสือไม่ได้ แต่ตอนนี้เป็นวัวอยู่บนหลังเสือ เป็นวัวสันหลังหวะที่อยู่บนหลังเสือ” นายจาตุรนต์ กล่าว

ขณะที่ นายพิชัย กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 152 พล.อ.ประยุทธ์ ตอบไม่ตรงกับที่ฝ่ายค้านอภิปราย ทั้งเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นที่กระจาย ทุนจีนสีเทา รวมถึงความพัวพันในธุรกิจของเครือญาติพล.อ.ประยุทธ์กับทุนจีนสีเทา และความล้มเหลวในการบริหารประเทศทุกด้าน
โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ที่พล.อ.ประยุทธ์ยอมรับเองว่าไม่มีความรู้ความสามารถในเรื่องนี้

นายพิชัย กล่าวต่อว่า ปัญหาเหล่านี้พล.อ.ประยุทธ์ ตอบไม่ได้ แต่ทำไมจึงอยากจะไปต่อ หากปล่อยให้รัฐบาลนี้บริหารต่อไป เศรษฐกิจไทยจะทรุดลงไปอีก ถึงเวลาแล้วที่ต้องเปลี่ยนการบริหาร และต้องปรับเปลี่ยนนโยบายทั้งหมดเพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งเรื่องราคาพลังงานที่จะต้องลดลง การสร้างรายได้ใหม่ การลงทุนและสร้างธุรกิจสมัยใหม่ การปรับเปลี่ยนประเทศในหลายๆ ด้านไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้ก้าวหน้าทันประเทศเพื่อนบ้านก่อนที่จะสายเกินไป

นายพิชัย นริพทะพันธุ์

นายพิชัย นริพทะพันธุ์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน