“โรม” ชี้ วิวาทะ “ปิยบุตร-พิธา” เป็นเรื่องปกติ เห็นต่าง-ขัดแย้ง บ้าง มั่นใจ ไม่กระทบการเลือกตั้ง ยัน ไร้สัญญาณแตกแยกภายในพรรค

เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 22 ก.พ. 2566 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีวิวาทะที่เกิดขึ้นระหว่างนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า กรณีที่นายปิยบุตรโพสต์เฟซบุ๊กวิพากษ์วิจารณ์พรรคก้าวไกลตลอดมา ในหลายๆ เรื่อง เชื่อว่านายปิยบุตรคงอยากเห็นพรรคก้าวไกลประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง ซึ่งนายพิธาก็อาจจะคาดหวังให้นายปิยบุตรทำในส่วนอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อการเคลื่อนไหวในเรื่องประชาธิปไตย ที่จะทำให้เราบรรลุเป้าหมาย

หากมองเบื้องหลังถ้อยคำที่รุนแรงนั้น จะพบว่าแต่ละคนล้วนมีแต่ความปรารถนาดี จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมนายพิธาบอกว่า อยากให้นายปิยบุตรช่วยเท่าที่ช่วยได้ตามที่กฎหมายเอื้ออำนวย ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า ตั้งแต่นายปิยบุตรถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองก็ไม่สามารถเข้ามามีบทบาทภายในพรรคได้ แต่ยังสามารถทำเท่าที่ยังทำไหว ในการที่จะทำให้ประเทศพ้นไปจากยุค 3 ป. ให้เริ่มเป็นประชาธิปไตยสักที แม้จะมีถ้อยคำที่รุนแรงไปบ้าง แต่เราต้องมีการปรับจูน ปรับแก้กันไป

เมื่อถามว่า ภายในพรรคมีปัญหากันใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คนที่เป็นสมาชิกพรรค คนที่สนับสนุนก้าวไกล ตนเชื่อว่าเขารักทุกคน ทั้งนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า นายปิยบุตร หรือแม้แต่นายพิธา แต่ถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีความไม่เข้าใจกัน ซึ่งก็เป็นเรื่องทั่วไป เป็นเรื่องธรรมดาของการเป็นพรรคการเมือง

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนยืนยันว่าไม่ได้มีความขัดแย้งกันภายในพรรค ไม่ได้แตกเป็น 2-3 กลุ่ม ที่เรามักจะเห็นในการเมืองที่ผ่านมา แต่วันนี้คงจะมีความเข้าใจไม่ตรงกัน หรืออาจจะใช้ถ้อยคำที่รุนแรงไปบ้าง ซึ่งเราอาจต้องใช้เวลานี้ในการปรับความเข้าใจ เคลียร์ให้ชัด แต่อย่างไรก็ตาม คงไม่ถึงขั้นที่ทำให้พรรคก้าวไกลจะไม่สามารถเดินหน้าเลือกตั้งต่อไปได้ หรือจะทำให้ส.ส. แบ่งเป็น 2 กลุ่มได้

เมื่อถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดจะกระทบต่อพรรคหรือไม่ เพราะเคยเกิดกรณีของนายคริส โปตระนันทน์ อดีตว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตจตุจักร พญาไท ราชเทวี พรรคก้าวไกล มาก่อนหน้านี้แล้ว นายรังสิมันต์ กล่าวว่า จริงๆ กรณีของนายคริสตัดไปได้เลย เพราะตนไม่คิดว่ากรณีของนายคริสจะมีปัญหาอะไร เป็นธรรมดาที่อาจจะมีความเห็นส่วนตัว ที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของเรา เขาก็อาจจะเดินออกไป ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ไม่สามารถโยงกันได้

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า แน่นอนว่านายปิยบุตรโพสต์ก่อนหน้านี้ เราก็พยายามที่จะปรับ และนำมาเป็นกระจกส่องตนเองเช่นกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าบางถ้อยคำอาจจะรุนแรง บางครั้งอาจจะขัดต่อความรู้สึกที่เราลงพื้นที่ ย้ำว่าเป็นความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน แต่ถามว่าจะกระทบหรือไม่นั้น ตนยังมองในแง่บวกว่าเป็นแค่การถกเถียงกัน เป็นแค่การพูดคุยกัน ณ วันนี้ ตนยังไม่เห็นสัญญาณแตกแยกภายในพรรคระยะยาว

เมื่อถามว่า มีการเคลียร์ใจกับนายปิยบุตรแล้วหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนยังตอบไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นคนนัด แต่เราจะต้องคิดว่าทำอย่างไรต่อ ทั้งนี้ ตนคิดว่าการพูดคุยเป็นทางออก ซึ่งพรรคก้าวไกลเปิดพื้นที่ในการแสดงความคิดเห็น และเมื่อมีความขัดแย้งเราจะคุยกันด้วยเหตุผล

เมื่อถามว่า ล่าสุดนายธนาธร โพสต์สนับสนุนนายพิธาและพรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ชัดเจนว่านายธนาธรก็ยังยืนยันว่าพรรคก้าวไกลเป็นคำตอบของสังคม และเป็นพรรคการเมืองที่รับมรดกจากพรรคอนาคตใหม่มาเต็มๆ และยังเชื่อว่านายธนาธรยังเป็นเพื่อนที่เดินร่วมทาง แม้อาจจะไม่ใช่รถคันเดียวกัน แต่ปลายทางเดียวกัน

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนยังมั่นใจว่าการต่อสู้ในการเลือกตั้ง เรามีศัตรูคนเดียวกัน และยังมีเรื่องใหญ่ที่เราต้องเอาชนะให้ได้ เช่น การปิดสวิตช์ 3 ป. ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายและฉุดรั้งประเทศไว้ เราต้องก้าวผ่านความขัดแย้งนี้ให้ได้ และเดินหน้าไปสู่การชนะการเลือกตั้ง

เมื่อถามว่า เนื่องจากนายปิยบุตรได้ชวนนายรังสิมันต์ เข้าทำงานการเมือง มีอะไรอยากฝากถึงบ้าง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า “จริงๆ คงไม่ได้ฝากถึงใครเฉพาะเจาะจง แต่ส่วนตัวผมมองว่าเป็นเรื่องของการวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ว่าจะจากใครก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็นส.ส.ปัจจุบัน หัวหน้าพรรค หรืออดีต ผมคิดว่าเราอยู่ในบริบทที่สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ เราต้องเอาชนะศัตรูทางการเมืองที่กัดกินประเทศไทย ซึ่งผมมีความชัดเจนว่าอย่างไรก็ต้องเอา 3 ป. ออกจากการเมืองให้ได้ ไม่งั้นประเทศที่เข้มแข็งของเราจะพังแน่ๆ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน