‘พิธา-ปิยบุตร’ ขึ้นซาเล้ง หาเสียงเมืองขอนแก่น โดนถามเจ็บ รอบนี้จะมีงูเห่าหรือไม่ ลั่นไม่ร่วม ครม. “ป้อม-ตู่” ชี้พรรคฝ่ายค้านรวมกันทะลุ 300 โค่น 3 ป.ปิดสวิตซ์ ส.ว.

วันที่ 4 มี.ค.2566 ที่จ.ขอนแก่น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง นำขบวนแห่ซาเล้งประชาธิปไตยจากตลาดบางลําภู ไปยังอนุสาวรีย์พระนครศรีบริรักษ์ เพื่อช่วย นายวีรนันท์ ฮวดศรี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ขอนแก่น เขต 1 พรรคก้าวไกล หาเสียง ตลอดทางนายพิธา ได้กล่าวทักทายพี่น้องประชาชน พร้อมขอบคุณความไว้วางใจ 3.9 หมื่นคะแนนที่มอบให้กับเขต 1 ขอนแก่น พรรคอนาคตใหม่ เมื่อครั้งการเลือกตั้งปี 2562

ทั้งนี้ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนพ่อค้าแม่ค้า ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ทั้งมาขอถ่ายภาพ กล่าวชม ว่า พรรคก้าวไกลมีแต่คนหล่อ ขอให้สู้ๆๆ แถมยังมีบรรดาแฟนคลับ วิ่งนำขนมและของกินมาฝากตลอดทาง บางช่วงมีคนขี่มอเตอร์ไซค์ ถามว่ารอบนี้จะมีงูเห่าอีกหรือไม่

โดย นายปิยบุตร ตอบทันทีว่า “รอบนี้ไม่มีแน่นอน” นอกจากนี้ ช่วงหนึ่งรถซาเล้งของผู้สื่อข่าว ได้ยกล้อด้านหน้าขึ้น นายพิธา จึงพูดขึ้นว่า เทแต่ซาเล้ง แต่ไม่เทประชาชนแน่นอน

ทั้งนี้ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ของพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งนี้ ว่า ครั้งนี้ตนได้รับการแต่งตั้งให้มาเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้กับพรรคก้าวไกล และที่ผ่านมาได้ติดตามผลโพลมาตลอด จึงเชื่อว่าคะแนนนิยมของพรรคก้าวไกลจะยังมีอยู่ โดยเฉพาะเขต 1 จ.ขอนแก่น ที่เราชนะเลือกตั้งในครั้งที่แล้ว

ดังนั้นครั้งนี้ นายวีรนันท์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น เขต 1 คนใหม่ ภายใต้การนำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล คะแนนของเราจึงยังมีอยู่ การเลือกตั้งทุกครั้งเหนื่อยทุกครั้ง แต่ความมุ่งมั่นตั้งใจและจุดยืนของพรรคก้าวไกล มีความชัดเจนและแตกต่างจากพรรคอื่นอย่างเห็นได้ชัด 4 ปีที่แล้วพรรคอนาคตใหม่ถูกปรามาสได้ แต่เราก็ทะยานขึ้นมาได้ จึงเชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะสามารถทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนให้มาสนับสนุนเรา ขณะที่แต่ละการเมืองกำลังหมกมุ่นกับการแย่งตัว ส.ส.

ด้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการประเมินความนิยมของพรรคในการเลือกตั้งครั้งนี้ ว่า เราประเมินไว้ 3 อย่างคือ 1.เราอยากได้ ส.ส.เขตมากกว่า ส.ส.บัญชีรายชื่อ 2.อยากได้ให้ครบทุกเขตให้ครบทุกเขต ทุกภูมิภาค โดยเฉพาะภาคใต้ และ 3.ได้คะแนนป็อปปูลาร์โหวตมากกว่าสมัยพรรคอนาคตใหม่ ที่ได้ 6.3 ล้านคะแนน เมื่อลบกับคะแนนของพรรคไทยรักษาชาติก็จะเหลืออยู่ประมาณ 5 ล้านเสียง ในการเลือกตั้งครั้งนี้วิธีการคำนวณแตกต่างจากเมื่อปี 2562 เราจึงจะพยายามให้ได้ ส.ส.มากที่สุด

เมื่อถามว่าช่วงระหว่างหาเสียงเลือกตั้งมีความกังวลในเรื่องใดบ้าง นายพิธา กล่าวว่า ในสิ่งที่เราควบคุมได้ ได้วางแผนไปจนถึงวันสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งแล้ว เช่น การลงพื้นที่ การเปิดตัวนโยบาย การเปิดตัวบิ๊กเนม ส.ส.บัญชีรายชื่อ

แต่ก็มีสิ่งที่ต้องกังวล เช่น การแบ่งเขตที่ไม่แน่นอนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง การรายงานผลการเลือกตั้งแบบเรียลไทม์ การใช้เวลาราชการหาเสียง การใช้ข้าราชการที่เพิ่งโยกย้ายมาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเองในการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องไม่ประมาท ทั้งนี้เราจะพยายามทำหน้าที่ในรูปแบบของกองอำนวยการเลือกตั้งให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

เมื่อถามว่ากังวลว่าจะมีการนำอำนาจรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อเอื้อประโยชน์ในการเลือกตั้งหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ต้องคอยดูกัน แต่เป็นเรื่องปกติที่เมื่อคุณยึดอำนาจมา คุณก็ต้องการสืบทอดอำนาจและรักษาอำนาจต่อไป อย่างไรก็ตามขอเรียกร้องไปยังเลขาธิการ กกต. เรื่องการรายงานผลคะแนนเลือกตั้งแบบเรียลไทม์ เพราะประชาชนเฝ้ารอติดตามอยู่

หากรอเวลาไปจนถึง 22.00-23.00 น. เกิดอะไรขึ้นมา จะเกิดการอุทธรณ์จนวุ่นวายไปหมด และส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้ง จากการที่ต้องแบ่งเขตใหม่ ทำให้ จ.เชียงใหม่ และเชียงราย ต้องปรับลดเขตเลือกตั้งใหม่ และมาเพิ่มลพบุรีและปัตตานี ทำให้ประชาชนสับสนในการเลือกผู้แทนฯ จนอาจละเลยการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ดังนั้นสิ่งสำคัญคือระบบต้องชัดเจน

เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลได้รับผลกระทบจากการแบ่งเขตเลือกตั้งหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เราจะสู้ทุกรูปแบบ จ.เชียงใหม่และเชียงราย เขตอาจจะหายไป แต่จ.ปัตตานี ที่เพิ่มขึ้นมาโพลของพรรคก้าวไกลก็ถือว่าดี และเป็นจังหวัดที่มีสัดส่วนของผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งแรกและครั้งที่สองเยอะที่สุดในประเทศไทย เราจึงยังพอมีลุ้นที่จะรักษาเขตเดิมและเพิ่มเติมเขตใหม่

เมื่อถามว่าการแบ่งเขตใหม่จะกระทบต่อการทำงานในพื้นที่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราคาดไว้แล้ว ที่จะแบ่งเขตให้ฝ่ายผู้มีอำนาจได้ประโยชน์มากกว่า ดังนั้นในหลายพื้นที่ เช่น จ.ขอนแก่น ซึ่งยังไม่ชัดเจนเรื่องการแบ่งเขต ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เราใช้วิธีการเดินเป็นทีม เมื่อมีความชัดเจนเรื่องแบ่งเขต จึงแบ่งเขตกันให้ลงตัวได้ จึงไม่เป็นปัญหา

เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยตั้งทีมเศรษฐกิจและมีบิ๊กเนมเข้ามาร่วมทำงานด้วย โดยเฉพาะ นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ พรรคก้าวไกลจะรับมืออย่างไร นายพิธา กล่าวว่า เราพร้อมที่จะรับมือและแข่งขัน แต่ก็พร้อมที่จะร่วมมือกับพรรคเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ ในช่วงที่บ้านเมืองอยู่ในภาวะหัวเลี้ยวหัวต่อ ต้องแข่งขันกันในเชิงนโยบายว่าทางออกที่ดีสำหรับเศรษฐกิจในปัจจุบันคืออะไร การแก้ไขปัญหาในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กระทบเศรษฐกิจ หากผลเลือกตั้งออกมาเราก็พร้อมที่จะร่วมมือกันทำงาน

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลมีความใกล้เคียงกัน นายพิธา กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติของประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา ไม่ว่าจะมองในฝั่งอนุรักษ์นิยมหรือฝั่งประชาธิปไตย ต้องมีพื้นที่ที่ทับซ้อนกัน แต่อยู่ที่ว่าฝ่ายไหนจะสามารถแสวงจุดร่วมสงวนจุดต่างในการทำงานร่วมกันได้

สำหรับตนคิดว่าฝ่ายค้าน ณ ปัจจุบันเป็นส่วนผสมที่กลมกล่อม หากนำมารวมกันเป็นคณะรัฐมนตรีก็จะเป็นสิ่งที่พอดี แต่สำหรับพรรคก้าวไกลเน้นในเรื่องเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ ดิจิทัลและซอฟ์พาวเวอร์ ซึ่งตอบโจทย์ความท้าทายในปัจจุบัน

ขณะที่ นายปิยบุตร กล่าวเสริมในประเด็นดังกล่าวว่า ตนเชื่อว่าทุกพรรคเริ่มจากศูนย์ทุกครั้งในการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นโพลหรือคะแนนเก่า ทุกอย่างต้องเริ่มใหม่หมด ตนจึงเชื่อว่าพรรคก้าวไกลมีโอกาส ส่วนเรื่องฐานเสียงที่ทับซ้อนกันประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าท้ายที่สุด จะเลือกเพื่ออนาคต ไม่จมปลักอยู่กับปัญหาเดิมๆ ซึ่งพรรคก้าวไกลตอบโจทย์ในเรื่องนี้

เมื่อถามถึงกรณีที่ถูกมองว่าพรรคก้าวไกลไม่ได้ปักธงเพื่อสู้กับเผด็จการแต่สู้กับพรรคเพื่อไทย นายปิยบุตร กล่าวว่า เท่าที่ตนติดตามดูผลโพลและผลสำรวจพบว่าฝ่ายค้านปัจจุบันคะแนนรวมกันประมาณ 60 % ตีเป็นจำนวน ส.ส. 300 ที่นั่ง

ดังนั้นพรรคร่วมฝ่ายค้านปัจจุบันทั้งหมดจะได้ ส.ส.ประมาณ 300 ที่นั่ง จึงคิดเป็นอื่นไม่ได้นอกจากจับมือร่วมกันตั้งรัฐบาล สามารถปิดสวิตซ์ ส.ว.และ 3 ป. ได้ เมื่อถามย้ำว่าหมายความว่าพรรคก้าวไกลกับเพื่อไทยจับมือกันใช่หรือไม่ ซึ่งสุดท้ายอยู่ที่ผลการเลือกตั้ง

เมื่อถามถึงผลการสำรวจของนิด้าโพล ระบุว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้รับความนิยมในหมู่คนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น นายพิธา กล่าวว่า พรรคก้าวไกลตั้งใจทำงานตอบสนองต่อคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้น ที่มีความต้องการอย่างหลากหลายความนิยมของพรรคก้าวไกลยังมีอยู่ แต่ก็ประมาทไม่ได้ เพราะไม่มีใครเป็นเจ้าของประชาชน เราจึงต้องให้เกียรติประชาชนโดยเฉพาะผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรก ทำให้รู้สึกว่าการเลือกตั้ง เป็นการสร้างโอกาสของการเปลี่ยนแปลงให้สมกับที่ต้องการ เราจึงต้องแข่งกันที่นโยบายและการเมือง

เมื่อถามถึงกรณีหาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไปร่วมมือกับพรรคเพื่อไทยพรรคก้าวไกลจะมีจุดยืนในเรื่องนี้อย่างไร นายพิธา กล่าวว่า “จุดยืนของเราชัดเจน ว่าพรรคทหารจำแลงอย่างพรรครวมไทยสร้างชาติ และ พรรคพลังประชารัฐ ไม่มีพรรคก้าวไกลอยู่ในนั้นแน่นอน ผมไม่มีทางที่จะไปอยู่ ครม.เดียวกันกับ พล.อ.ประวิตร และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แน่นอน”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน