“หญิงหน่อย” ฉะ คสช.ใช้กฎหมายป้องตัวเอง เอาผิดคนเห็นต่าง หวังยื้ออำนาจ

เมื่อวันที่ 19ก.พ. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการใช้คำสั่ง คสช.ที่3/2558 พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ดำเนินคดีกับกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ว่า เป็นการใช้กฎหมายที่ขัดกับรัฐธรรมนูญปี 2560 แสดงถึงความไม่เคารพในสิทธิเสรีภาพของประชาชนทั้งที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้แล้ว โดยเฉพาะการใช้มาตรา 116 ดำเนินคดีกับประชาชน คือการใช้กฎหมายที่ผิดไปจากเจตนารมณ์ตามรัฐธรรมนูญ รัฐบาล และคสช.กำลังใช้กฎหมายเป็นเกราะปกป้องตัวเอง ใช้มาตรา 116 เป็นเครื่องมือเล่นงานประชาชน บ่งบอกถึงความกลัวที่เกิดขึ้น ซึ่งความกลัวที่มีมากนี้อาจนำไปสู่ความเสื่อมในที่สุด เมื่อรัฐธรรมนูญประกาศใช้ รัฐธรรมนูญให้สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานไว้ให้กับประชาชน เมื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศใช้แล้ว ถือเป็นกฎหมายสูงสุด เมื่อรับรองสิทธิเสรีภาพของประชาชนในกรอบของกฎหมาย ประชาชนย่อมมีสิทธิที่จะถูกคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ การแสดงความคิดเห็นตามกรอบของกฎหมาย เป็นสิ่งที่กระทำได้ เพียงแต่คณะคสช. เป็นรัฐบาลที่ไม่ได้เคารพสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญซึ่งร่างในขึ้นในสมัยของตัวเอง ไม่เคารพรัฐธรรมนูญที่ตัวเองสร้างขึ้น จึงเกิดความกลัวในสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะการแสดงความเห็นของประชาชนในเวลานี้ รัฐบาลและ คสช.มีความกลัวมากจนเกินไป จนทำให้เสื่อม การดำเนินคดีโดยใช้มาตรา 116 ผิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เพราะมาตรา 116 ให้เอาผิดคนที่ก่อให้เกิดความไม่มั่นคง เกิดอันตรายต่อรัฐ ซึ่งรัฐหมายถึงประเทศชาติ ไม่ใช่รัฐบาล แต่ขณะนี้รัฐบาลใช้มาตรา 116 เป็นเครื่องมือในการปกป้องตัวเอง เอาผิดผู้เห็นต่าง

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า การที่รัฐบาลนี้ไม่เคารพในรัฐธรรมนูญที่ตัวเองเป็นผู้ร่างขึ้นจึงทำสิ่งที่ขัดกับรัฐธรรมนูญมากที่สุด เห็นได้จากการใช้กฎหมายดำเนินคดีกับคนเห็นต่าง ทั้งกลุ่มคนที่เรียกร้องประชาธิปไตย กลุ่มคนที่เรียกร้องสิทธิเสรีภาพ และกลุ่มคนที่ตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชัน ทำให้เป็นห่วงบุคคลที่ถูกดำเนินคดีมากกว่าภาพพจน์ที่กำลังเกิดขึ้นกับประเทศไทย ขณะนี้กำลังเกิดภาวะการต่อขั้วอำนาจ พยายามสร้างข่าวความขัดแย้ง ด้วยการเชื่อมโยงไปถึงนายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายทักษิณเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีนักประชาธิปไตย ต้องการให้ประเทศชาติเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตย ทำให้เชื่อว่าดรทักษิณจะไม่กระทำการในสิ่งใดที่รัฐบาลและ คสช.จะใช้เป็นข้ออ้างเพื่อเป็นตั๋วในการสืบทอดอำนาจได้ทั้งนี้หากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ประกาศตัวว่าเป็นนักการเมืองแล้ว การเป็นนักการเมืองต้องเป็นด้วยหัวใจ ต้องฟังเสียงประชาชน และเคารพในสิทธิเสรีภาพของประชาชน การแก้ไขปัญหาใดๆนั้น รัฐบาลและ คสช.ต้องเปิดโอกาสให้มีการพูดคุย ทำความเข้าใจ รับฟังความคิดเห็น รวมถึงปัญหาต่างๆ และนำความคิดเห็นเหล่านั้นมาแก้ไขปรับปรุง ดีกว่าการหาช่องใช้กฎหมายหลีกเลี่ยงรัฐธรรมนูญ และใช้อำนาจไปข่มเหงประชาชน