ศาลฎีกา สั่งจำหน่ายคดี ครูโอ๊ะ ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายเเรง รุกที่ปราจีนบุรี ชี้เคยสั่งพ้นจากตำแหน่ง เพิกถอนสิทธิในคดีก่อนแล้ว ไม่เป็นประโยชน์ที่จะบังคับอีก

เมื่อวันที่ 18 เม.ย.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา ศาลฎีกา มีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ คมจ.3/2565 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นฟ้อง นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ อดีตรมช.ศึกษาธิการ (ผู้คัดค้าน) เรื่อง การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

คดีนี้ ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งรมช.ศึกษาธิการ ดำเนินการขอออกโฉนดที่ดิน 3 เลขที่ ต.เนินหอม อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี โดยมิชอบและโดยทุจริต ด้วยการแสดงคุณสมบัติอันเป็นเท็จต่อเจ้าหน้าที่ เป็นเหตุให้ได้รับไปซึ่งโฉนดที่ดินทั้ง 3 แปลง

ผู้คัดค้านครอบครองที่ดินดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบัน อันเป็นการถือครอบครองที่ดินของรัฐเพื่อแสวงหาประโยชน์ส่วนตน ไม่ดำรงตนให้อยู่ในกรอบกฎหมาย ถือเอาประโยชน์ที่ได้จากการกระทำโดยมิชอบ เป็นการขัดกันระหว่าง ประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม และแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรของรัฐ ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี จึงเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

ผู้คัดค้านให้การปฏิเสธ ขอให้ยกคำร้อง ต่อมา ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายว่า คำร้องของผู้ร้องคดีนี้ มีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน และเป็นการดำเนินกระบวน พิจารณาซ้ำกับคดีหมายเลขดำที่ คมจ.2/2565 หมายเลขแดงที่ คมจ.2/2566 ของศาลนี้ ศาลฎีกา เห็นว่าในชั้นนี้คดีพอที่จะวินิจฉัยได้แล้ว จึงให้งดการไต่สวนตามระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยการพิจารณาพิพากษาคดีเกี่ยวกับการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทาง จริยธรรมอย่างร้ายแรงฯ ข้อ 25

คดีหมายเลขดำที่ คมจ. 2/2565 และคดีนี้ ผู้ร้องเสนอ เรื่องต่อศาลฎีกาตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 235 ประกอบ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 87 เพื่อให้วินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านซึ่งดำรงตำแหน่งรมช.ศึกษาธิการ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีดำเนินการขอออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และครอบครอง ที่ดินซึ่งได้มาโดยมิชอบนั้นจนถึงวันดำรงตำแหน่งตลอดมาจนถึงปัจจุบัน

โดยมีคำขอบังคับตามมาตรการ จำกัดสิทธิทางการเมืองเป็นอย่างเดียวกันทั้ง 2 คดี คือ ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่ง รมช.ศึกษาธิการ ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมี กำหนดเวลาไม่เกิน 10 ปี

เมื่อความปรากฏในระหว่างพิจารณาคดีนี้ว่า ศาลฎีกาในคดีหมายเลขดำที่ คมจ.2/2565 มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า ผู้คัดค้านฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งรมช.ศึกษาธิการ นับแต่วันที่ 26 ส.ค.2565 ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตลอดไป และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้คัดค้าน มีกำหนด 10 ปีนับแต่วันที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาแล้ว

เมื่อคดีนี้มีคำขอบังคับเช่นเดียวกันกับในคดีก่อน โดยมิได้มีคำขอบังคับอย่างอื่นใดอีก การที่ศาลจะพิจารณาไต่สวนพยานหลักฐานและพิพากษาคดีนี้ต่อไป ย่อมไม่เป็นประโยชน์แก่คดีที่จะบังคับตามคำขอบังคับของผู้ร้องในคดีนี้เกี่ยวกับมาตรฐานทาง จริยธรรมของผู้คัดค้านที่ดำรงตำแหน่งรมช.ศึกษาธิการในตำแหน่งเดียวกันกับใน คดีก่อน เพราะศาลฎีกา ได้มีคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่ง และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ของผู้คัดค้านตลอดไปแล้ว ส่วนการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งซึ่งเป็นมาตรการจำกัดสิทธิทางการเมืองนั้น มีลักษณะเป็นเพียงคำขออุปกรณ์ในคดีจริยธรรม

ดังนั้น เมื่อคดีนี้ศาลไม่จำต้องวินิจฉัยว่าผู้คัดค้านฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมหรือไม่ เพราะไม่อาจบังคับตามคำขอบังคับหลักของผู้ร้องได้ คำขอให้ เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้ร้องซึ่งเป็นคำขออุปกรณ์ จึงย่อมไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยเช่นเดียวกัน ทั้งกรณีไม่จำต้องวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายว่าคำร้องของผู้ร้องเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณา ซ้ำกับคดีหมายเลขดำที่ คมจ.2/2565หมายเลขแดงที่ คมจ.2/2566ของศาลนี้ ตามคำร้องของ ผู้คัดค้านอีกต่อไป ให้จำหน่ายคดีเสียออกจากสารบบความ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมาศาลฎีกาเคยมีคำพิพากษา ว่านางกนกวรรณฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงให้พ้นจากตำเเหน่งรมช.ศึกษาธิการเมื่อ 26 ส.ค.65 ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป รวมถึงไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 235 วรรคสี่ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี จากกรณีเคยดำเนินการขอออกโฉนดที่ดินในพื้นที่หมู่ที่ 15 ต.เนินหอม อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี (เขาใหญ่) เนื้อที่ 30-2-80.5 ไร่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน