ศรีสุวรรณ ร้อง กกต. ตรวจสอบ ‘พิธา’ ปมอ้างมางานศพพ่อไม่ทันเพราะกลับไทยช่วงรัฐประหาร49 เข้าข่ายจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนความนิยมของพรรคหรือไม่

เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึง กกต. ขอให้ตรวจสอบนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กรณีนายพิธาให้สัมภาษณ์ใน 2 รายการ 2 ช่วงเวลา เหตุการณ์เดียวกันแต่แตกต่างกัน โดยเฉพาะประเด็นที่นายพิธา อ้างว่ากลับมาเมืองไทยช่วงรัฐประหารปี 49 ซึ่งมีถ้อยความที่ดูจะต่างกันพอสมควร

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า นายพิธา พูดถึงเรื่องที่ตนเองเดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา เพื่อมางานศพของพ่อ ในช่วงการทำรัฐประหารปี 2549 ซึ่งการออกรายของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ในวันที่ 20 เม.ย.66 แล้วมีคนไปเอาเทปเก่าๆ ที่นายพิธา เคยให้สัมภาษณ์กับรายการของ หนูแหม่ม สุริวิภา กุลตังวัฒนา มาเปรียบเทียบเพราะเป็นเหตุการณ์เดียวกัน แต่มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งเรื่องที่นายพิธา อ้างว่าตัวเองเป็นข้าราชการ คณะทำงานของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ขณะที่ไปออกรายงานของคุณหนูแหม่ม บอกว่าไปศึกษาอยู่ที่บอสตัน

ประเด็นที่สอง ออกรายงานของนายสรยุทธ บอกว่าถูกควบคุมตัวอยู่ที่ดอนเมืองไม่สามารถกลับไปงานศพพ่อได้ แต่ในรายงานของคุณหนูแหม่ม บอกว่าอยู่ที่ดอนเมืองเพื่อให้เจ้าหน้าที่เขาได้สกรีน 4-5 ชั่วโมงแล้วเดินทางกลับไปงานศพทัน

ประเด็นที่สาม ให้สัมภาษณ์กับนายสรยุทธ ว่ามีการฟิตบัญชีเงินของตัวเอง 2-3 เดือน และอ้างว่าไม่สามารถมีเงินไปทำงานศพได้ เรื่องแบบนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ อีกทั้งนายปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตผู้แทนการค้าไทย ออกมาระบุว่าไม่มีการควบคุมตัวที่ดอนเมือง เพียงแต่มีการตรวจตามปกติ แล้วให้กลับบ้านทุกวัน

ดังนั้น การให้สัมภาษณ์ของนายพิธา ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ชี้ให้เห็นว่านายพิธา พยายามแต่งเรื่องขึ้นมาก เพื่อที่จสร้างความเห็นอกเห็นใจ ความสงสาร และใส่ไฟไปยังความมั่นคง หรือทหารว่า ตนเองเป็นผู้ถูกกระทำ ดูสงสาร ได้คะแนนความนิยม ซึ่งเรื่องนี้เป็นข้อห้ามโดยชัดเจนตามมาตรา 73(5) แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยเลือกตั้ง ส.ส.2561 ระบุว่าห้ามผู้ใดหรือพรรคการเมือง หรือผู้สมัครหาเสียงหลอกลวงและใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจในคะแนนนิยมของพรรคตนเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่นายพิธากระทำเอง อีกทั้งพรรคของนายพิธา ก็มีนโยบายเกี่ยวกับการปฏิรูปกองทัพ ทหาร

ดังนั้น คำพูดของนายพิธาต้องการสื่อถึงช่วงรัฐประหารปี49 ตนจึงนำเรื่องและคลิปที่ออกรายการทั้งสองรายการ และเอกสารที่นายพิธา โพสต์ชี้แจง มาร้องให้ กกต.ตรวจสอบถึงความผิดตามกฎหมายหรือไม่ ถ้าผิด มีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000 -200,000 บาท และเว้นวรรคทางการเมือง 20 ปี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน