“ศุภชัย” เผย ลูกพรรคภูมิใจไทย ทยอยฟ้อง “เศรษฐา” ปมปราศรัยโจมตีกัญชา เลือกภท.ได้ “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ “สหายแสง” นำร่องฟ้องคนแรก ชี้ โทษแรงตัดสิทธิตัวการ – กก.บห. – ยุบพรรค

3 พ.ค. 66 – ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคฯ แถลงกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ปราศรัยที่ จ.นครพนม

โจมตีนโยบายกัญชาว่า เป็นการมอมเมาเยาวชน รวมทั้งบอกว่า หากเลือกพรรคภูมิใจไทย จะได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ อีกรอบ

และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ที่ระบุว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีส่วนกับการปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด

โดยยืนยันว่า การกล่าวหาของทั้งคู่ไม่เป็นความจริง ซึ่งกรณีของ นายเศรษฐา มีความผิดใส่ร้ายตาม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ส.ส. มาตรา 73 (5) ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัคร หรือ พรรคการเมือง

ทั้งที่ข้อเท็จจริงพรรคภูมิใจไทยสนับสนุนกัญชาทางการแพทย์ ไม่เคยสนับสนุนให้มอมเมาเยาวชน รวมทั้งที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยก็หาเสียงชู นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค เป็นนายกฯ เพียงคนเดียว ไม่เคยบอกว่า เลือกภูมิใจไทยแล้วจะไปเลือก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ จึงถือว่า การปราศรัยของ นายเศรษฐ เป็นการใส่ร้าย และพูดเท็จ

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีของ นายประเสริฐ พรรคภูมิใจไทยขอยืนยันว่า พรรคเพื่อไทย มีส่วนในการปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด ก่อนที่ รมว.สาธารณสุข จะมาออกประกาศควบคุมกัญชา กล่าวคือมีการปลดล็อกกัญชา โดยผ่านรัฐสภาลงมติเอกฉันท์ประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ไม่ระบุว่า กัญชาเป็นยาเสพติด








Advertisement

กระทั่งราชกิจจานุเบกษาประกาศประมวลกฎหมายยาเสพติด ไม่ระบุให้กัญชาเป็นยาเสพติดเป็นครั้งแรก มีผลบังคับใช้วันที่ 8 ธ.ค. 64

รวมทั้งก่อนหน้านี้ คือวันที่ 21 ก.ย. 63 ก็มีการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางปัญหาเกี่ยวกับกัญชา กัญชง และกระท่อม โดยมีนายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน ได้เสนอรายงานจำนวน 367 หน้า

สรุปสาระสำคัญ คือ ยกเลิกกัญชา กัญชง และกระท่อม ออกจากยาเสพติดให้โทษ ซึ่งอย่างน้อยใน 2 ส่วนนี้ ก็ไม่มี ส.ส. พรรคเพื่อไทย ออกมาคัดค้านเลย ฉะนั้น พรรคที่ทำให้เกิดกัญชาเสรีก็คือ พรรคเพื่อไทย

นายศุภชัย กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบ นายเศรษฐา เป็นเพียงสมาชิกพรรค ซึ่งตำแหน่งที่ปรึกษาหัวหน้าเพื่อไทย ก็เป็นเพียงการบัญญัติศัพท์ขึ้นมา และกรณีการปราศรัยบิดเบือนให้ความเท็จ ซึ่ง นายเศรษฐา จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยส.ส. มาตรา 73 (5) แล้ว

ขณะที่คณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคเพื่อไทย ไม่ควบคุมสมาชิกพรรคให้ดำเนินการด้วยความสุจริตเที่ยงธรรม ก็เข้าข่ายความผิดพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 101

ที่ระบุว่า กรณีผู้กระทำผิดจะต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น แต่ถ้าเป็นกรณีพรรคการเมือง ต้องระวางโทษเป็น 2 เท่า ของโทษที่กำหนดไว้ตามวรรคหนึ่ง และให้ กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น และให้เพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งของหัวหน้าพรรค และกก.บห.ของพรรคการเมืองนั้น

ซึ่งทราบว่า ขณะนี้มีสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำดังกล่าวได้ดำเนินคดีแล้ว เช่น นายศุภชัย โพธิ์สุ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 และผู้สมัคร ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย และทราบว่า มีผู้ประสงค์จะดำเนินการทางกฎหมายในแต่ละพื้นที่อยู่

ทั้งนี้ พรรคยืนยันว่า การดำเนินการทั้งหมดเพื่อปกป้องตัวเองจากการถูกใส่ร้าย วันนี้ นายเศรษฐา ต้องพร้อมรับสิ่งที่ท่านพูดออกไป เราต้องแสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะของท่าน ซึ่งวันนี้เราไม่ยอม

เมื่อถามว่า การฟ้อง นายเศรษฐา และพรรคเพื่อไทย จะเป็นการปิดประตูจับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้พรรคภูมิใจไทย เคยบอกว่า จะสนับสนุนพรรคการเมืองที่ได้เสียงมากเป็นอันดับหนึ่ง นายศุภชัย กล่าวว่า เราไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์นโยบายพรรคใด เวลาเราปราศรัยที่ไหนก็เสนอนโยบายของพรรคเราเอง เราไม่พูดถึงชาวบ้าน แต่ดูเหมือนว่า วันนี้การปราศรัยของท่านเกิดจากความกลัว ความกลัวจึงทำให้เสื่อม ทำให้ท่านขาดสติ ขอให้ท่านทบทวนตัวเอง

ผมขอเรียกร้องพรรคเพื่อไทย หากเห็นว่า กัญชามีปัญหาให้ประกาศเลยว่า จะเอากลับไปเป็นยาเสพติด อย่ามาพูดคลุมเครือว่า เอาเฉพาะนโยบายทางการแพทย์เท่านั้น พรรคภูมิใจไทยเองก็ไม่เคยสนับสนุนเรื่องสันทนาการ พี้ มอมเมาประชาชน การที่ท่านพูดแบบนั้นเท่ากับใส่ร้ายเป็นความเท็จ

เมื่อถามว่า การออกมาแจ้งข้อกล่าวหา นายเศรษฐา จะเป็นเงื่อนไขให้พรรคภูมิใจไทยไม่ยกมือโหวตให้ นายเศรษฐา เป็นนายกฯ หรือควรจะเปลี่ยนเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ นายชัยเกษม นิติสิริ แทน นายศุภชัย กล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลานั้น เพราะวันนี้หาก นายเศรษฐา ถูกดำเนินคดี ท่านจะมีคุณสมบัติอยู่หรือไม่

เมื่อถามว่า นายเศรษฐา ตั้งกำแพงทางการเมืองไม่เอา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และไม่เอาพรรคกัญชา หากภายหลังจัดตั้งรัฐบาลไม่เป็นเช่นนั้น จะต้องรับผิดชอบทางการเมืองหรือไม่ นายศุภชัย กล่าวว่า ตนไม่อยากมีความเห็น

“ผมคิดว่า นายเศรษฐา ไม่น่าจะมีอำนาจในการตัดสินใจ ท่านเป็นเพียงตัวแสดงคนหนึ่ง ท่านเข้ามาก็มาช้อปปิ้งตำแหน่งนายกฯ พอไม่ได้ก็กลับไปขายบ้านจัดสรรของท่านเหมือนเดิม ดูแล้วท่านก็ประเมินถูก ท่านอาจจะมีความสามารถเรื่องการบริหารธุรกิจ แต่ในเรื่องของการเมือง ท่านต้องเรียนรู้มากกว่านี้” นายศุภชัย กล่าว

เมื่อถามว่า จะไปร้องเรื่องดังกล่าวต่อ กกต.กลางด้วยหรือไม่ เพราะล่าสุดสอบถามพบว่า พรรคภูมิใจไทยยังไม่ได้ดำเนินการในส่วนนี้ นายศุภชัย กล่าวว่า ขอฝากไปยัง กกต. ว่า ต่อให้ไม่มีใครร้อง และหากท่านรู้ได้เอง ท่านก็มีอำนาจสืบสวน

วันนี้กรณีการทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริต และเที่ยงธรรม กรณีที่พรรคการเมืองปราศรัยแล้วมีคนไปรังควาน รวมถึงการณรงค์ไม่ให้เลือกพรรคการเมืองใด ซึ่งผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73

การที่ท่านปล่อยให้มีบรรยากาศแบบนี้ จะส่งผลให้เกิดความสั่นคลอนต่อหน้าที่ และอำนาจของ กกต. มีคนไม่ให้ความเคารพต่อองค์กรอิสระอย่าง กกต. ก่อให้เกิดความไม่น่าเชื่อถือ ท่านจึงเร่งดำเนินคดี ไม่เช่นนั้นความศักดิ์สิทธิ์ของท่านจะสั่นคลอน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน