เมื่อวันที่ 22 ก.พ. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International : TI) เปิดเผยคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ประจำปี 2560 ประเทศไทยได้ 37 คะแนน อยู่ในอันดับ 96 จากทั้งหมด 180 ประเทศ ร่วมกับบราซิล โคลัมเบีย อินโดนีเซีย ปานามา เปรู และแซมเบีย ไต่อันดับจากปี 2559 ซึ่งไทยได้คะแนน 35 คะแนน อยู่ในอันดับ 101 จาก 176 ประเทศว่า ไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาลจะบอกว่าพอใจหรือไม่พอใจ แต่ต้องกลับไปดูว่ามีตัวใดที่ทำให้เราได้คะแนนต่ำหรือฉุดลง และอะไรที่ดึงคะแนนเราขึ้นมา ต้องไปแก้ที่จุดอ่อนจุดแข็งเหล่านั้นเป็นจุดๆไป คะแนนรวมที่ออกมาไม่มีอะไร เป็นเรื่องที่พูดกันไปเท่านั้น แต่ที่สำคัญคือองค์กรดังกล่าวได้ใช้ตัวชี้วัดเรื่องอะไรบ้าง และในกรณีของไทยเข้าใจว่ามีเรื่องนิติธรรมที่จะมีปัญหา เมื่อทราบดังนี้จะได้แก้ไขให้ถูกจุด รัฐบาลเคารพความคิดเห็นทุกฝ่ายทั้งของหอการค้าโพล ดุสิตโพล หรือการสำรวจต่างๆ และนำมาปรับปรุงต่อไป

สำหรับผลคะแนนดังกล่าวที่ออกมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือกระทรวงยุติธรรม ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(ศอตช.) จะแจกการบ้านให้หน่วยงานเกี่ยวข้องเพื่อไปแก้ไข และให้รายงานความคืบหน้ากลับมาให้ทราบ เพราะจะมีการประเมินในปี 2562 ซึ่งในระหว่างหนึ่งปีนี้จะมีโพลต่างๆออกมาตลอดเวลา รัฐบาลรับฟังโดยไม่เป็นปัญหาอะไร ในส่วนของรัฐบาลตั้งเป้าเรื่องการป้องกันการทุจริต แต่ไม่มีหน้าที่ตรงเรื่องการปราบปราม ต้องฟังจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)เป็นหลัก

ผู้สื่อข่าวถามว่าปัจจัยเรื่องประชาธิปไตยถือเป็นตัวชี้วัดหนึ่งหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ใช่ และรู้มาตลอดตั้งแต่ปี 2557 และต้องยอมรับสภาพหากจะต้องเสียคะแนนไป เมื่อถามว่าคะแนนที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย อาจมีผลมาจากกรณีเรื่องนาฬิกาหรูของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ไม่น่าเกี่ยวกับผลคะแนนเรื่องนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน