เมื่อเวลา 11.35 น. วันที่ 22 ก.พ. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช. คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธาน เพื่อพิจารณาการให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งคณะกรรมาธิการสามัญทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการเลือกตั้ง ที่มีพล.อ.อู้ด เบื้องบน เป็นประธานกมธ.
โดยมีรายชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อ 7 คน ประกอบด้วย ตัวแทนที่มาจากคณะกรรมการสรรหา 5 คนได้แก่ นายประชา เตรัตน์ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และอดีตผวจ.หลายจังหวัด นายเรืองวิทย์ เกษสุวรรณ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) นายอิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ นางชมพรรณ์ พงษ์เจริญ สุธีรชาติ ที่ปรึกษากฎหมาย บริษัท วรวิสิฏฐ์ จำกัด และหัวหน้าสำนักงานกฎหมายสุธีรชาติ
ตัวแทนจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 2 คน ได้แก่ นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา นายปกรณ์ มหรรณพ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ทั้งนี้ พล.อ.อู้ด ได้รายงานการตรวจสอบประวัติของผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 7คนต่อที่ประชุมสนช.ในส่วนที่เป็นรายงานเปิดเผย
จากนั้นที่ประชุมสนช.สั่งให้ประชุมลับ เพื่อพิจารณารายงานลับของผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 7 คน โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง กระทั่งเวลา 13.00 น. เมื่อกลับมาเปิดประชุมอีกครั้ง นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้สั่งให้สมาชิกสนช.ลงมติลับด้วยการเข้าคูหากาบัตรลงคะแนน ผลปรากฏว่าที่ประชุมลงมติไม่ให้ความเห็นชอบผู้ได้รับเสนอชื่อทั้ง 7 คน
โดยมีผลคะแนน ดังนี้ นายฐากร ตัณฑสิทธิ ไม่เห็นชอบ 156 เห็นชอบ 27 งดออกเสียง 17 , นายเรืองวิทย์ เกษสุวรรณ ไม่เห็นชอบ 175 เห็นชอบ 10 งดออกเสียง 14 , นางชมพรรณ์ พงษ์เจริญ สุธีรชาติ ไม่เห็นชอบ 168 เห็นชอบ 16 งดออกเสียง 16 , นายอิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ ไม่เห็นชอบ 149 เห็นชอบ 30 งดออกเสียง 21, นายประชา เตรัตน์ ไม่เห็นชอบ 125 เห็นชอบ 57 งดออกเสียง 86, นายนายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ไม่เห็นชอบ 128 เห็นชอบ 46 งดออกเสียง 26 และนายปกรณ์ มหรรณพ ไม่เห็นชอบด้ 130 เห็นชอบ 41 งดออกเสียง 29
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างขั้นตอนการนับคะแนนเกิดความล่าช้า เนื่องจากคะแนนเกินจำนวนผู้ลงคะแนน คือ 200 คน แต่รวมคะแนนได้ 201 เสียง กรรมการนับคะแนนจึงต้องตรวจสอบความถูกต้องใหม่ ซึ่ีงปรากฏว่าได้มีการแก้คะแนนในส่วนของการงดออกเสียงออกคนละ 1 เสียง ทั้งนี้ การที่สนช.ไม่ให้ความเห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อไปเป็นกรรมการขององค์กรอิสระ ถือเป็นครั้งแรกที่โหวตคว่ำยกชุด
นายพีระศักดิ์ กล่าวต่อที่ประชุมว่า ถือว่าบุคคลทั้ง 7 คน ได้รับความเห็นชอบน้อยกว่ากึ่งหนึ่งจากสมาชิกสนช.ทั้งหมด หรือ 124 คน จากสมาชิกสนช.ทั้งหมด 248 คน ส่งผลให้บุคคลทั้ง 7 คนไม่ได้รับความเห็นชอบจากสนช.ให้ดำรงตำแหน่งกกต. ขั้นตอนต่อไปสนช.จะต้องรายงานการประชุมไปให้คณะกรรมการสรรหาและที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเพื่อดำเนินการสรรหาบุคคลมาให้สนช.ลงมติให้ความเห็นชอบใหม่อีกครั้ง โดยทั้ง 7 คนดังกล่าวจะไม่สามารถกลับมาสมัครใหม่ได้ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกกต. พ.ศ.2560
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมลับได้มีการรายงานการตรวจสอบประวัติในเชิงลึกของผู้ได้รับเสนอชื่อทั้ง 7 คนอย่างละเอียด พบว่าทุกคนมีเรื่องถูกร้องเรียนหมด โดยบางคนถูก สนช.รุมซักถามประวัติอย่างหนัก
โดยเหตุผลที่สนช.ลงมติไม่เห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อทุกคน แม้ทุกคนจะมีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากสนช.เห็นว่างานของกกต.ตามรัฐธรรมนูญใหม่มีภารกิจสำคัญเรื่องการเลือกตั้ง จึงอยากได้บุคคลมีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ในการทำงาน โดยเฉพาะด้านที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งสมาชิกสนช.ส่วนมากยังไม่เชื่อมั่นในฝีมือของผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 7 คน ที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของสาธารณชน และยังไม่เคยแสดงฝีมือการทำงานให้เป็นที่ประจักษ์
ในส่วนผู้ได้รับการเสนอชื่อจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 2 คน อาจมีปัญหาเรื่องที่มาการสรรหาได้ดำเนินการอย่างถูกต้องหรือไม่ แม้สนช.จะได้รับหนังสือยืนยันจากศาลฎีกาว่ากระบวนการสรรหาดำเนินการอย่างถูกต้อง แต่สนช.เกรงว่าจะมีผู้ไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยในภายหลัง ซึ่งจะเกิดความวุ่นวายตามมา ดังนั้น สนช.จึงอยากได้คนใหม่ที่มีความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และความตั้งใจที่ดีที่สุด จึงลงมติไม่เห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 7 คน