เพื่อไทย ยอมรับ ต้องพับโครงการดิจิทัล วอลเล็ต 5.6 แสนล้านบาทไปก่อน ชี้นโยบายสวัสดิการของก้าวไกล ต้องใช้เงินใกล้เคียงกัน จับตาพรรคร่วม นัดถกอีก 6 มิ.ย.นี้

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 1 มิ.ย. 2566 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค ในฐานะกรรมการเลขานุการและโฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้ได้มีการประชุมคณะกรรรมการด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานกรรมการ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองประธานกรรมการ นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ นายศุภวุฒิ สายเชื้อ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ปรึกษา และกรรมการด้านเศรษฐกิจ

นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อว่า โดยที่ประชุมได้หารือเพื่อเดินหน้าทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเด็นสำคัญที่เป็นแรงผลักในการขับเคลื่อนประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการส่งออกในภาวะที่ตลาดโลกซบเซา การดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) โดยใช้การตอบสนองความต้องการของนักลงทุนโดยใช้มาตรการเฉพาะ ภาวะหนี้เสียของ SME

รวมถึงการแก้ไขปัญหาเข้าถึงแหล่งทุน และการหาแหล่งทุนให้ SME ในรูปแบบใหม่ ระบบภาษีที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย การคว้าโอกาสจากกำลังซื้อจากสังคมสูงวัย การยกระดับระบบสาธารณสุขประเทศ เพื่อลดภาระและผลกระทบจากสังคมสูงวัย และการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศเอลนีโญ ที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าเกษตรของไทย และการยกระดับระบบชลประทาน

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้หารือถึงประเด็นการสร้างรายได้ใหม่ให้กับประเทศ เพื่อชดเชยกับรายจ่ายทางการคลังที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเชื่อมตลาดคาร์บอนเครดิตไทยให้สู่สากล เพื่อให้มีราคาสูงพอที่ภาคธุรกิจมีแรงจูงใจ การต่างประเทศในยุคที่ห่วงโซ่อุปทานโลกปั่นป่วน จุดยืนด้านข้อตกลงทางการค้า การปรับค่าแรงที่เหมาะสม และเพิ่มประสิทธิภาพภาคการเกษตรของประเทศ รวมถึงการสร้างรายได้ใหม่โดยการสร้างพื้นที่สีเขียว และการออกโฉนดแบบมีเงื่อนไขผูกกับพื้นที่สีเขียว

นายเผ่าภูมิ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการประชุมคณะกรรมการประสานงานช่วงเปลี่ยนผ่าน ที่มีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นประธาน ที่มีจะการประชุมที่พรรคเพื่อไทย ในวันที่ 6 มิ.ย. ทางพรรคเพื่อไทยคงจะได้นำเสนอนโยบายเพื่อพูดคุยกับทางพรรคร่วม เช่น เรื่องค่าแรง เขตธุรกิจใหม่ เพื่อหาจุดลงตัวและทำงานร่วมกันได้ เชื่อว่าจะเป็นนโยบายที่สอดคล้องกัน

“ในส่วนของนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต 1 หมื่นบาทของพรรคเพื่อไทยนั้น เรายังเห็นถึงความจำเป็นในนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในภาวะที่ประเทศอ่อนแอ แต่นโยบายดังกล่าวต้องใช้งบประมาณกว่า 5.6 แสนล้านบาท ขณะที่พรรคแกนหลักต้องใช้เงินในปริมาณที่ใกล้เคียงกันสำหรับนโยบายด้านสวัสดิการ เราจึงต้องพับโครงการนี้ไปก่อน” นายเผ่าภูมิ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน