อดีตรองโฆษก ปชป. แนะด้อมส้ม อย่าเพิ่งรีบเฮ ชี้ “พิธา” รอดคดีหุ้นสื่อหรือไม่ อยู่ที่งบการเงิน ระบุ คลิปประชุมผู้ถือหุ้น หลักฐานมัดไอทีวี ยังเป็นสื่อ
วันที่ 13 มิ.ย.2566 นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุ อย่าเพิ่งรีบเฮ ปมคลิปรายงานประชุมผู้ถือหุ้น ไอทีวี กรณีมีการพูดถึงรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) มีความขัดแย้งระหว่างคลิปการประชุมเมื่อวันที่ 26 เม.ย.2566 กับรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีของบริษัท
ในประเด็นว่า ไอทีวียังดำเนินกิจการเกี่ยวกับสื่อหรือไม่ ถึงขั้นออกมาฟันธงกันว่านี่คือพยานหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะพิสูจน์ว่า ไอทีวี ไม่ได้ประกอบกิจการสื่อแล้ว จะทำให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคก้าวไกล หลุดคดีถือหุ้นสื่อในที่สุด
“สำหรับผมเห็นว่าพยานหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นหรือคลิปการประชุมผู้ถือหุ้น ไม่ได้เป็นพยานหลักฐานสำคัญว่าไอทีวี ยังประกอบกิจการสื่ออยู่หรือไม่ เพราะการพิจารณาว่ากิจการใดเป็นกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) ต้องพิจารณาจากสภาพความเป็นจริงตามวัตถุประสงค์ของกิจการ มิใช่รับฟังจากการถามตอบในที่ประชุมผู้ถือหุ้น ผมมองว่าการประชุมผู้ถือหุ้นที่นำมาเผยแพร่ ยิ่งเป็นหลักฐานสำคัญมัดไอทีวี ว่ายังมีตัวตนประกอบกิจการสื่ออยู่” นายเชาว์ ระบุ และว่า
หากพิจารณาจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา จะพบว่าหลักฐานสำคัญที่ศาลฯ ให้น้ำหนักคือ งบการเงิน รายได้ที่ได้มาจากการประกอบกิจการสื่อหรือไม่ เป็นตัวชี้วัดว่า หุ้นของบริษัทที่ถืออยู่เป็นหุ้นสื่อหรือไม่ แม้จะมีวัตถุประสงค์ทำสื่อระบุอยู่ แต่รายได้ที่ได้ไม่ได้มาจากการทำสื่อ ก็รอด
ดังที่เห็นในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ กรณีส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านจำนวน 64 คนก่อนหน้านี้ มีเพียงคนเดียวที่ถูกชี้ขาดให้พ้นส.ส.คือ นายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ อดีตส.ส.พรรคอนาคตใหม่
“กรณีของนายพิธา จะรอดหรือไม่รอดคดีหุ้นสื่อหรือไม่ จึงไม่ได้อยู่ที่คำถาม คำตอบในรายงานการประชุมผู้ถือหุ้น แต่เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ถือหุ้นในบริษัทที่มีรายได้จากการประกอบกิจการสื่อหรือไม่ และที่สำคัญคือ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม อย่าบิดเบือนข้อกฎหมาย ด้วยการนำประเด็นที่ไม่ใช่สาระมากลบข้อเท็จจริง เพราะนั่นไม่ใช่วิถีทางที่ถูกต้อง” นายเชาว์ ระบุ
