ทนายอั๋น ยื่นหลักฐานดีเอสไอ ตรวจสอบ เรืองไกร ส่อเข้าข่ายฟอกเงิน ปมซื้อรถหรู แหล่งที่มาแคชเชียร์เช็ค 25 ล้าน พ่วงแจ้งความเท็จต่อกกต. ปมยื่นร้อง พิธา

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2566 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีดีเอสไอ เพื่อขอให้ตรวจสอบการกระทำของ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เข้าข่ายฐานความผิดฟอกเงินหรือไม่

นายภัทรพงศ์ เปิดเผยว่า มายื่นขอให้ตรวจสอบนายเรืองไกร กรณีที่ได้ยื่นหลักฐานต่อ กกต.ว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นบุคคลผู้ขาดคุณสมบัติการรับสมัครเป็นส.ส.หรือไม่ อาจเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิด ฐานแจ้งความอันเป็นเท็จต่อ กกต. และตรวจสอบทรัพย์สินมีค่า เช่น รถยนต์หรูหลายคัน ที่มักจะประกาศว่าได้มี “ผู้ใหญ่ใจดี” ซื้อให้ว่าเข้าข่ายเป็นการกระทำฐานฟอกเงินหรือไม่

และเเคสเชียร์เช็ค จำนวน 25 ล้านบาท ถึงแหล่งที่มาของเงินดังกล่าว ว่ามีความผิดตามมาตรา 143 ว่า ผู้ใดเรียกรับเงินและผลประโยชน์จาก เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเมืองเนื่องจากเข้าข่ายความผิดมูลฐานคดีพิเศษของดีเอสไอที่รับผิดชอบ และอยากให้มีการตรวจสอบควบคู่กับ กกต.

นายภัทรพงศ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมานายเรืองไกร ถือเป็นบุคคลสาธารณะ เคลื่อนไหวร้องเรียนทางการเมืองมาหลายปีและไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร นอกจากการเดินเรื่องร้องเรียน ส่วนที่นายเรืองไกร อ้างว่าได้รับมาจากภรรยา เมื่อถึงขั้นตอนตรวจสอบก็จำเป็นต้องมีการดูถึงพฤติการณ์เงินเข้า-เงินออกภายในบัญชีธนาคาร

อีกทั้ง หากปรากฏว่า นายเรืองไกร ได้กระทำผิดในฐานแจ้งความเท็จต่อกกต. เพื่อให้บุคคลต้องรับโทษดังกล่าว ดังนั้น จึงขอให้ดีเอสไอช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้เรียกหรือทำการสอบสวนพยานหลักฐาน พยานบุคคลที่เกี่ยวข้องจาก กกต. หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าท้ายสุดคุณสมบัติของนายพิธาจะเป็นอย่างไร ในข้อเท็จจริงที่ นายเรืองไกร เสนอต่อ กกต.ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความผิดจากมาตรา 143 จึงหวังให้ดีเอสไอ รับสำนวนมาตรวจสอบ เเล้วค่อยนำส่ง ปปง. เพื่อพิจารณาในส่วนของการฟอกเงินต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน