ธนาธร โต้กลับ หลังถูกพาดพิงปลุกปั่นเยาวชนใต้ ซัดจงใจบิดเบือน หวังสกัดพรรคก้าวไกลไม่ให้เข้าบริหารประเทศ อย่าใช้วาทกรรมเดิมๆขวางการสร้างประเทศที่ดีกว่านี้

วันที่ 26 มิ.ย.2566 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงกรณีสื่อเครือผู้จัดการ เผยแพร่ข่าวโดยพาดหัวพาดพิง ว่า ตามที่สื่อในเครือของท่านได้เผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับผม โดยพาดหัวว่า “เผยคลิปหลุดธนาธร ปลุกระดมเยาวชน-กลุ่มชาติพันธุ์ ภาคใต้ 14 จังหวัดให้กระด้างกระเดื่องต่อรัฐไทย” ซึ่งได้นำคลิปมาจากเฟซบุ๊กส่วนตัวของผู้ใช้เฟซบุ๊กบัญชี “เทวดาผู้หยั่งรู้ ฟ้าดินฯ อากาศ มหาสมุทร” หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “เค ร้อยล้าน” พร้อมทั้งใช้ถ้อยคำในพาดหัวสอดคล้องกับนายเค ร้อยล้าน ว่าผมปลุกปั่นเยาวชนภาคใต้ ให้กระด้างกระเดื่อง

ผมขอตั้งคำถามอย่างจริงจังถึงการปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณสื่อของกองบรรณาธิการผู้จัดการ เนื่องจากในเนื้อหาข่าว ซึ่งเป็นการถอดเทปถ้อยคำของผม ปรากฏชัดว่าเป็นการพูดถึงประวัติศาสตร์รัฐไทย และการสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในหมู่ประชาชนไทย และไม่ได้ปรากฏชัดเจนว่าเป็นการพูดกับผู้ฟังกลุ่มไหน ในสถานที่ใด แต่ผู้จัดการกลับลงข่าวโดยอ้างอิงข้อมูลจากนายเค ร้อยล้าน โดยไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงมายังผม ซึ่งเป็นผู้อยู่ในคลิป

ผมขอตั้งคำถามว่า นี่คือการจงใจบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อโหมกระพือกระแสที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมกำลังพยายามปลุกปั่นว่าพวกเราคณะก้าวหน้า-พรรคก้าวไกล เป็นกลุ่มคนที่ต้องการแบ่งแยกดินแดน และไม่สมควรได้เข้าบริหารประเทศหรือไม่ โดยก่อนหน้านี้ก็มีการพยายามปลุกปั่นข้อความทำนองนี้มาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการที่ กอ.รมน. ไปแจ้งความดำเนินคดีนักกิจกรรมและนักการเมืองจำนวนหนึ่ง ด้วยข้อหาร่วมสะสมกองกำลังหรืออาวุธ เตรียมก่อกบฏ จากเหตุการณ์เสวนาวิชาการที่มี ส.ส. ของพรรคก้าวไกลได้รับเชิญ แม้สุดท้าย ส.ส. ก้าวไกลจะไม่ได้เข้าร่วมงานดังกล่าวก็ตาม

เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่กองบรรณาธิการผู้จัดการ และประชาชนผู้สนใจในประเด็นนี้ ผมขอเล่าให้ฟังถึงเนื้อหาทั้งหมดที่ผมได้บรรยายในคลิปดังกล่าว ไม่ใช่สิ่งที่ถูกตัดตอนมาเพียงสั้นๆ ในคลิป ซึ่งอาจมีวาระทางการเมืองแอบแฝง

ประการแรก การบรรยายนี้เป็นการบรรยายให้กับนิสิตในชมรมของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งนิสิตชมรมนี้เคยทำกิจกรรมทางสังคมร่วมกับคณะก้าวหน้า จึงนำมาสู่กิจกรรมบรรยายตามที่ปรากฏในคลิป และกิจกรรมดังกล่าวไม่ได้เป็นการเจาะจงบรรยายให้กับเยาวชนในภาคใต้ 14 จังหวัดตามที่ผู้จัดการพาดหัว และสถานที่บรรยายก็ไม่ใช่ภาคใต้ด้วย

ประการต่อมา หัวข้อที่ผมบรรยาย คือ “มองปัญหาชาติพันธุ์ในประเทศไทย” ซึ่งผมต้องการเปรียบเทียบให้ผู้ฟังเห็นความแตกต่างระหว่างนานาประเทศ กับประเทศไทย ในการชำระประวัติศาสตร์บาดแผลของตัวเอง และสร้างชาติที่เข้มแข็งผ่านการโอบรับความหลากหลายทางเชื้อชาติ มากกว่าการบังคับให้ทุกคนมีจิตสำนึกในความเป็นไทยแบบเดียว

ผมยกตัวอย่างหลายประเทศ ที่เคารพในสิทธิของกลุ่มชนพื้นเมือง เช่น นอร์เวย์ ซึ่งเคยเกิดกรณีฟ้องร้อง ระหว่างครอบครัวชาวซามี 6 ครอบครัว กับบริษัทพลังงานลมขนาดใหญ่ โดยกลุ่มชนพื้นเมืองซามี ร้องเรียนว่าหากมีการตั้งฟาร์มกังหันลมในพื้นที่ชุมชนของพวกเขา จะส่งผลกระทบต่อกวาง และวิถีดั้งเดิมของชุมชน ปรากฏว่าศาลสูงสุดนอร์เวย์พิพากษาว่าบริษัทพลังงานละเมิดสิทธิชนพื้นเมือง และไม่สามารถตั้งฟาร์มกังหันลมในพื้นที่ของชาวซามีได้








Advertisement

อีกกรณีที่ผมประทับใจมาก คือการกล่าวขอโทษกลุ่มชนพื้นเมืองอะบอริจินส์ ต่อหน้าสภาผู้แทนราษฎร ของเควิน รัดด์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย โดยรัดด์ กล่าวในฐานะตัวแทนของสภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาลออสเตรเลีย ขอโทษที่รัฐออสเตรเลียในอดีตเคยออกกฎหมายและนโยบายที่ละเมิดสิทธิและศักดิ์ศรีของชาวอะบอริจินส์

เมื่อหันกลับมามองไทย สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงข้าม รัฐไทยสร้างชาติผ่านการพยายามสถาปนาความเป็นไทยแบบเดียว โดยละเลยความแตกต่างทางศาสนา ชาติพันธุ์ วัฒนธรรม ความเชื่อ ของกลุ่มชนหลากหลายที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนี้มานานหลายร้อยปี ทั้งขะแมร์ มลายู มอญ ลาว จีน ม้ง และอื่นๆอีกมากมาย แม้แต่การกรอกแบบฟอร์มที่ต้องระบุสัญชาติ และเชื้อชาติ กลับแทบไม่มีใครกรอกเชื้อชาติอื่น นอกจาก “ไทย” แม้แต่ผม ที่เป็น “จีน” หรือพี่น้องม้ง ปกาเกอะญอ มลายู ทุกคนกรอกว่ามีสัญชาติ “ไทย” เชื้อชาติ “ไทย” เพราะเกรงการถูกเลือกปฏิบัติในการเรียน การทำงาน การเข้ารับบริการจากภาครัฐ

ไทยแท้คืออะไร?
ไทยแท้คือคนเวียตที่มุกดาหาร
คือคนม้งที่เพชรบูรณ์
คนปกาเกอะญอที่เชียงใหม่
คนภูไทที่สกลนคร
คนกูยที่บุรีรัมย์
คนมอญที่ปทุมธานี
คนจีนที่นครสวรรค์
คนมลายูในชายแดนใต้
คนอินเดียที่กรุงเทพ
ชาติไทยที่เข้มแข็งเกิดจากอะไร?

ผมเชื่อว่าความเป็นไทยที่เราภาคภูมิใจ คือไทยที่โอบรับความหลากหลายทางเชื้อชาติ ศาสนา ความเชื่อ ไทยที่ปฏิบัติต่อพลเมืองทุกคนอย่างเสมอหน้ากันใต้กฎหมาย ไทยที่ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมสร้างความเจริญให้กับประเทศ และรับดอกผลของความเจริญนั้นอย่างเท่าเทียมกัน

อย่าใช้วาทกรรมเก่าๆ เดิมๆ มาขัดขวางการสร้างประเทศไทยที่ดีกว่านี้ ที่ลูกหลานของพวกเราจะได้อยู่ร่วมกันในอนาคตเลยครับ

ผมหวังว่าการชี้แจงของผมจะทำให้เครือผู้จัดการได้ตระหนักถึงความสำคัญของจรรยาบรรณสื่อในการเสนอข้อเท็จจริงต่อสังคมอย่างรอบด้านและปราศจากอคติ เพื่อให้สื่อเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่ผู้คนสามารถมีความคิดความเชื่อที่แตกต่าง และสนทนากันอย่างมีอารยะได้ ไม่นำข้อความที่ถูกนำเสนอแบบบิดเบือนให้คนเกลียดชังกันมานำเสนอต่อ และทำให้สังคมแตกแยกไปมากกว่านี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน