ชวน เชียร์ หมอชลน่าน นั่งประธานสภาฯ เหตุเตรียมตัวมา 4 ปีแล้ว แต่ วันนอร์ ก็เหมาะ เพราะเคยเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ยันข้อยุติทั้งหมดอยู่ที่ 2 พรรคใหญ่

เมื่อวันที่ 3 ก.ค66 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชาติ ชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า

ขึ้นอยู่กับข้อตกลงของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเป็นฝ่ายเสียงข้างมาก สามารถตัดสินใจเองได้ ว่าใครควรจะเป็นประธานสภาฯ ทั้งนี้ตัวนายวันมูหะมัดนอร์ ?เป็นผู้มีประสบการณ์ มีความสามารถ และเคยเป็นประธานสภาฯมาแล้ว ซึ่งขณะนั้นก็ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง และบริหารงานได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ตนเคยร่วมงานกับท่านสมัยที่ตนเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และตอนที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามว่า ทางออกนี้จะช่วยระงับความขัดแย้งระหว่างพรรคที่กำลังร่วมจัดตั้งรัฐบาลในขณะนี้ได้หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ตนไม่อยากไปวิจารณ์หรือไปให้ความเห็นในเรื่องนี้ ขึ้นอยู่กับการหารือของพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล อย่างไรก็ตามตนเห็นว่ากรณีที่ความคิดเห็นระหว่างพรรคที่ได้คะนนเสียงมาเป็นอันดับหนึ่ง กับพรรคที่ได้มาเป็นอันดับสองมาอยู่ฝ่ายเดียวกัน ไม่ค่อยเกิดขี้นบ่อยหนัก เพราะในอดีตพรรคอันดับหนึ่งกับพรรคอันดับสอง จะอยู่คนละฝ่าย จึงไม่มีการมาเถียงกันว่าใครจะได้เป็นประธานสภาฯ และใครเป็นนายกฯ เพราะในที่สุดพรรคที่ได้คะแนนมากก็จะได้เป็นนายกฯและประธานสภาฯ แต่ในครั้งนี้พรรคที่ได้อันดับหนึ่งกับพรรคที่ได้อันดับสอง มีคะแนนห่างกันแค่ 10 เสียง พรรคที่ได้อันดับหนึ่งก็อยากได้ตำแหน่งประธานสภาฯ ขณะที่พรรคอันดับสอง ก็คิดว่าพรรคอันดับหนึ่งถ้าได้ทั้งตำแหน่งนายกฯฯ และประธานสภาฯ จะถือว่ามากเกินไปหรือไม่ เขาจึงมีข้อเสนอดังกล่าวออกมา ซึ่งตนมองว่าข้อเสนอดังกล่าวไม่ใช่เรื่องแปลกในกรณีเช่นนี้

“ที่แรกผมคิดว่าทั้งสองพรรคตกลงกันได้แล้ว แต่วันนี้กลับมาข่าวใหม่ จึงคิดว่ามันก็ยังไม่แน่นอน และไม่แน่ใจว่าจะได้ข้อยุติตอนไหน และถ้ามองในเรื่องตัวบุคคลก็ถือว่านายวันมูหะมัดนอร์ มีความเหมาะสม”นายชวน กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้านายวันมูหะมัดนอร์?ได้เป็นประธานสภาฯจริง นายชวนในฐานะอดีตประธานสภาฯมีความคาดหวังต่อสภาฯชุดนี้อย่างไร นายชวน กล่าวว่า ทุกคนอยากเห็นสภาฯมีความมั่นคง ระบบนิติบัญญัติมีความเข้มแข็ง และยึดมั่นในหลักนิติธรรม รวมถึงปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาก อีกทั้งรัฐสภาต้องมีความแน่วแน่ในกระบวนการนิติบัญญัติ ซึ่งตนเชื่อมั่นว่านายวันมูหะมัดนอร์ สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ หรือไม่ว่าใครที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าว ถ้ายึดหลักการเหล่านี้ก็สามารถทำได้ เพราะมีข้อบังคับสภาฯ กำกับอยู่

นายชวน กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีบางคนไปประเมินมาถ้าคนของฝ่ายใดได้มาเป็นประธานสภาฯ แล้วจะมีความได้เปรียบ เรื่องการแต่งตั้งตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้ ตนคิดว่าบางเรื่อก็ไม่จริง เพราะประธานสภาฯ มีอำนาจเฉพาะที่ถูกกำหนดภายในขอบเขตเรื่องการแต่งตั้งคนของประธานฯ แต่จะไปยุ่งกับการแต่งตั้งคนในฝ่ายบริหารไม่ได้ ขณะที่บางเรื่องมีกฎหมายระบุไว้เลยว่าเรื่องใดที่เสนอเข้าสู่สภาฯแล้ว ต้องดำเนินการส่งภายในกี่วัน อาทิกรณีมีผู้ร้องว่ามีบุคคลขาดคุณสมบติ ก็มีกฎหมายกำหนดว่าต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาภายในกี่วัน จึงแสดงให้เห้นวส่าทุกเรื่องดำเนินการไปตามคันลอง ทั้งนี้ตนเอาใจช่วยทุกคนที่จะมาทำหน้าที่ประธานสภาฯ

เมื่อถามว่าถ้าเปรียบเทียบตัวบุคคลระหว่างนายวันมูหะมัดนอร์ กับนายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรเพื่อไทย ใครเหมาะสมกว่ากัน นายชวนกล่าวว่า คนที่เตรียมตัวมาอย่างหนัก นอกจากนายสุชาติ นั่นก็คือ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพราะนพ.ชลน่านเตรียมตัวที่จะทำหน้าที่นี้มาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตนเคยถามเจ้าตัวและคนในพรรคเพื่อไทย เขาก็บอกว่านพ.ชลน่าน ไม่ได้ถูกวางตัวให้เป็น1ใน3 รายชื่อชิงตำแหน่งนายกฯ นพ.ชลน่าน จึงเตรียมตัวเป็นประธานสภาฯ แต่เมื่อเหตุการณ์เปลี่ยนไปก็คงเป็นเรื่องของเหตุการณ์อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นนายสุชาติ นายวันมูหะมัดนอร์ หรือนพ.ชลน่าน คนเหล่านี้ก็ถือเป็นผู้ที่มีประสิทธิภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน