‘ชวน’ ป้อง ‘ประวิตร’ โดนวิจารณ์ยับ นั่งหลับในสภาฯ ขออย่าจับผิดเรื่องนี้ แขวะ ‘ปดิพัทธ์’ ทำตัวเหมือนประธานสภาฯ ทั้งที่ต้องทำตามประธานมอบหมาย

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 6 ก.ค.2566 ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตประธานสภา กล่าวถึงกรณีสื่อโซเชียลเผยแพร่ภาพและวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มีลักษณะเหมือนนั่งหลับในห้องประชุมสภาในวันเลือกประธานสภาและรองประธานสภา ว่า ตนเห็นว่าไปวิจารณ์ว่าท่านนั่งหลับ บางฝ่ายบอกว่าท่านก้ม อย่างไรก็ตามตนคิดว่าฝ่ายค้านมีอยู่น้อย ดังนั้นการที่พล.อ.ประวิตร กรุณามาประชุมด้วยตัวเองก็ต้องขอบคุณ อย่าไปจับผิดเรื่องแค่นี้เลย

ทุกคนเมื่อนั่งนานๆ ก็มีสิทธิ์ ส.ส.เขาเลยกลัวสื่อจะจับผิด บางคนจึงไม่เข้าห้องประชุม พอกดบัตรเสร็จก็รีบออกนอกห้อง และเขาจะพูดเลยว่าสื่อจะคอยจับเราตอนหลับหรือเปล่า ดังนั้นก็อย่าไปนั่งให้เป็นเหยื่อ คิดว่าสื่ออย่าไปจับเรื่องนี้ เอาเรื่องที่เป็นสาระดีกว่า การที่ส.ส.บางคนเผลอหลับตาบ้างอะไรบ้าง และไม่ได้มีผลกระทบอะไร สำคัญคือคนที่มาประชุม

นายชวน กล่าวต่อว่า การประชุมลงมติที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า เราเสียเวลาไปกับการขานคำว่าบัตรดี 500 ครั้ง ซึ่งความจริงไม่ต้องใช้คำว่าบัตรดี ก็สามารถอ่านชื่อได้เลย เช่น “วิทยา, ปดิพัทธ์” ซึ่งการประชุมสภาสมัยที่แล้วเราจะทำอย่างนั้น ห้ามใช้สร้อย หรือเอ่ยชื่อตัวเอง ทำให้ประหยัดเวลาไปได้ชั่วโมง ซึ่งตลอด 4 ปีที่ผ่านมา สมาชิกให้ความร่วมมือและสามารถทำได้ร้อยละ 99 และในสมัยใหม่นี้ก็จะสามารถประหยัดเวลาได้

เมื่อถามว่าการโหวตนายกฯ จะใช้เวลาประหยัดแบบนี้หรือไม่ นายชวนกล่าวว่า เขาควรทำ เพราะการโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่ผ่านมา เป็นตัวอย่างที่ดีว่าสามารถประหยัดเวลาได้ หากมีสร้อยต่อท้ายครั้ง 2 ครั้งก็ไม่รู้สึก แต่ถ้า 750 ครั้งก็มีปัญหาทั้งนั้น ส่วนการโหวตนายกฯ โหวตได้กี่ครั้งนั้น ไม่มีกฎหมายห้าม แต่ขอให้ถาม นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา จะดีกว่า

ต่อข้อถามว่าในฐานะอดีตประธานสภาได้คุยกับนายมูหะมัดนอร์ บ้างหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ได้ยินดีกับท่านตั้งแต่วันที่ได้รับเลือกแล้ว และบอกกับลูกน้องท่านว่า ขอให้ดูแลสุขภาพของท่าน เพราะสำหรับวัยตนหรือวัยท่านวันนอร์ เป็นวัยสูงอายุ ถ้าไม่ค่อยแข็งแรงก็จะมีปัญหา ต้องนั่งบนบัลลังก์ 3-4 ชั่วโมง และเวลานั่งก็ไม่ได้นั่งหลับ เหนื่อยที่สุดคือเงยหัว

เพราะต้องฟังว่าใครพูดอะไรเกิน อะไรขาด จะให้เขาถอนหรือไม่ถอนคำพูดก็ต้องรู้ เมื่อเสร็จเวรแล้วรองประธานขึ้นมาแทน ประธานก็ต้องตามต่อ เพราะจะได้รู้ว่าเวรต่อไปใครพูดอะไรไว้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นงานหนัก จึงต้องให้กำลังใจท่าน และขอให้ท่านดูแลสุขภาพก็แล้วกัน

เมื่อถามว่า เชื่อว่านายวันมูหะมัดนอร์ จะทำงานกับรองประธานทั้ง 2 คน ที่มาจากพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยได้ดีหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่ 2 บอกว่า จะทำตามพระบรมราโชวาท และตามที่ประธานมอบหมาย แต่ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานคนที่ 1 แถลงเหมือนเป็นประธานเอง เพราะที่จริงแล้วรองประธานมีหน้าที่คือรับมอบหมายจากประธานสภา ว่าให้ทำอะไร และถ้าจะทำอะไรใหม่พิเศษก็ต้องขออนุมัติจากประธาน ซึ่งจะเป็นหลัก

ส่วนรองประธานจะปฏิบัติภารกิจตามที่ประธานมอบหมาย ซึ่งงานสภาถือว่าหนักมาก เพราะนอกจากงานภายในการประชุมแล้ว ยังมีงานปลีกย่อยอีก แต่ขณะนี้เรามีประธานเป็นมุสลิม รองประธานคนที่ 1 เป็นคริสต์ รองประธานคนที่ 2 เป็นพุทธ ถือว่า 3 ศาสนาเลย ตนจึงบอกกับเลขาธิการสภาฯ ว่าอย่างไรต้องรักษามาตรฐานศาสนาไว้อย่างเดิม

เมื่อถามว่าเป็นห่วงสภายุคนี้เรื่ององค์ประชุมหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า เชื่อว่าเรื่ององค์ประชุมในยุคนี้น่าจะหมดไป ส่วนนายพิเชษฐ์ รองประธานคนที่ 2 ในสมัยที่แล้วก็ประท้วงเยอะนั้น หลังได้ตำแหน่งนายพิเชษฐก็มาสวัสดีตน ตนก็ล้อเล่นไปว่า ถึงเวลาทำนาใครจะมาหว่านข้าวในสภา แต่ก็เชื่อว่าปัญหาต่างๆ น่าจะลดลง เพราะตัวปัญหาไปเป็นรัฐบาลเอง พูดง่ายๆ คือคนที่ไม่กดบัตรทำให้องค์ประชุมไม่ครบ

การประชุมสมัยนี้เขาต้องมาประชุม แต่ที่สำคัญคือหัวหน้ารัฐบาลในอนาคตเป็น ส.ส. หรืออย่างน้อยมีหัวหน้าพรรคมารับผิดชอบ ยกเว้นพรรคเพื่อไทยที่มี น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน เป็นหัวหน้าพรรค และอยู่ในสภา แต่คนที่แข่งขันเป็นนายกฯ ไม่ได้อยู่ในสภา แต่พรรคก้าวไกลเขาอยู่ในสภา

สมัยที่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไม่ได้เป็นส.ส. จึงไม่ได้อยู่ในสภา และหัวหน้าพรรคที่จัดตั้งรัฐบาลคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ไม่ได้อยู่ในสภา เมื่อมีปัญหาก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร แม้จะมีตัวแทนพรรคแต่ก็ไม่ยอมรับกัน แต่ปัญหาเหล่านี้ในสมัยนี้น่าจะหายไป ความร่วมมือน่าจะดีขึ้น การพูดมากก็น่าจะลดลง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน